รีวิว As Above, So Below (2014) แดนหลอนสยองใต้โลก

รีวิว As Above, So Below (2014) แดนหลอนสยองใต้โลก

000

ออกตัวก่อนครับว่าปกติผมเป็นคนชอบดูสารคดีสำรวจถ้ำหรือสำรวจอุโมงค์ลับเป็นนิจอยู่แล้ว พวกสารคดีเมืองใต้ดินของ ThaiPBS นี่ไม่พลาดครับ ชอบจริงๆ เพราะรู้สึกว่าสถานที่เหล่านี้มันมีเสน่ห์น่าค้นหา ดูแล้วรู้สึกผสมๆ กันทั้งลึกลับและสงสัยว่าเขาทำได้ยังไง

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด

จุดเด่นที่โดนใจผมอย่างแรกของ As Above, So Below  คือหนังถ่ายทำกันที่สถานที่จริง ที่คาตาคอมบ์ เมืองใต้ดินของฝรั่งเศส อารมณ์มันเลยจริงในระดับหนึ่งครับ และหนังก็มาในแนวแฮนด์เฮลด์ Found Footage แบบ The Blair Witch Project อารมณ์ “จริง” ของหนังเลยเกิดได้ไม่ยากครับ

ช่วงต้นๆ ก่อนลงใต้ดินก็อาจจะเรื่อยๆ ไม่มีอะไรนัก แต่พอลงใต้ดินปุ๊บความน่าสนใจก็เริ่มมาครับ ด้วยบรรยากาศ ความมืด ความแคบ และอิฐหินเก่าแก่ที่ล้อมรอบตัว มันก็ได้อารมณ์น่าค้นหาผสมกับลึกลับได้ดีครับ (โดยเฉพาะตอนไปเจอกลุ่มร้องประสานเสียงปริศนานั่น ขนลุกไม่เลวทีเดียว)

ทีนี้พอเดินเรื่องไปเกินครึ่ง ความลึกลับของคาตาคอมบ์ก็เริ่มแผลงฤทธิ์ครับ แต่ละคนเริ่มเจอ “อดีต” ของตัวเองมาหลอกหลอน ถ้ามองในส่วนของแง่่คิดก็เข้าใจล่ะครับว่าหนังสะท้อนเรื่องกรรมหรือผลแห่งการกระทำ เมื่อเรากระทำอะไรลงไป ผลลัพธ์ของมันก็จะสะท้อนมาถึงตัวเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

หรือไม่เราก็อาจคิดมากเกี่ยวกับมัน อาจโดนมันหลอกหลอนจนกลายเป็นเสมือนเสี้ยนที่ตำใจ

ทางออกของเรื่องแบบนี้ก็มีหลายทาง แต่ทางหนึ่งก็คือต้องกล้าเผชิญหน้ากับมัน สู้กับมัน ยอมรับผิดชอบมัน

As Above, So Below

ครับ หนังก็สอดแทรกสัจธรรมแง่คิดให้เราเก็บไปคิดกัน ก็เป็นสาระที่กะไว้ตั้งแต่ตอนดูหนังตัวอย่างแล้วว่าคงจะสอนเราเรื่องนี้แหละ (จะว่าไปแล้ว Flatliners ก็เคยเล่นประเด็นทำนองนี้มาก่อน และเรื่องนั้นทำได้น่าติดตามกว่าครับ ถ้าว่ากันตามจริง)

ยอมรับว่าผมชอบช่วงลงใต้ดินครึ่งแรก หนังได้อารมณ์น่าค้นหาและลึกลับผสมๆ กัน ครั้นพอถึงครึ่งหลังตอนที่พวกเขาเริ่ม “เจอดี” มันก็ยังโอเคนะครับ แต่บางช่วงผมกลับรู้สึกว่าหนังเดินเรื่องช้า สิ่งที่ “เจอดี” หลายๆ อันกลับน่าสนใจไม่มาก คือมันอาจจะทำให้ตกใจบ้าง แต่ความรู้สึกน่าค้นหาและความน่าติดตามค่อยๆ ลดลง

ส่วนหนึ่ง (ในความคิดผม) อาจเป็นเพราะจังหวะชั้นเชิงในการนำเสนอที่จะออกแนวผีตุ้งแช่แบบนานๆ ที (ความระทึกก็เลยมาแบบนานๆ ที) และส่วนที่ขาดไปคือ “Story” ครับ อย่างที่ผมมักบอกเสมอว่าหนังแนวสยองเจ๋งๆ ต้องมีการเล่าเรื่องประกอบ ให้คนดูจินตนาการหลอนตัวเองบ้าง อย่าง Paranormal Activity หรือ Blair Witch ที่เล่าตำนาของปีศาจหรือสถานที่นั้นๆ ให้เราหลอนเล่นๆ แต่กับเรื่องนี้ดูเหมือนจะใส่อะไรพวกนี้ลงไปไม่มากเท่าที่ควร

โดยรวมแล้ว คอหนังสยองแนวแฮนด์เฮลด์ก็น่าลองอยู่ครับ จริงๆ ก็เพลินไม่เลว เพียงแต่หนังยังไปไม่สุดอย่างที่ควรจะเป็นเท่านั้นเอง
คะแนนความชอบ = 6/10 ครับ
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
002

ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

Similar Videos

รีวิว The House (2017) เดอะ เฮาส์ เปลี่ยนบ้านให้เป็นบ่อน

1966 0

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ดูเรื่องนีี้แล้วบังเกิด 2 ห้วงอารมณ์ขึ้นมาพร้อมๆ กันครับ ห้วงแรกคือห้วงอารมณ์ที่มีต่อหนัง กับอีกห้วงก็คือ ห้วงอารมณ์ที่มีต่อเรื่องราว ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในหนัง (ไม่รู้จะถึงขั้นอินเนอร์ไหม แต่ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง) ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว Christmas Eve (2015) (ตอนที่ 2)

1781 0

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด นึกถึงหนังอย่าง Love Actually ขึ้นมาเลยครับ ผมว่าหนังเรื่องนี้ก็แนวนั้นแหละ เพียงแต่คนเขียนบทต้องเข้าใจบทอย่างดี ต้องรู้ว่าเล่าประมาณไหนถึงจะเหมาะ เล่าประเด็นไหนถึงจะโดน ไม่งั้นหนังก็จะอยู่เพียงในระดับโอเค ทั้งที่หากทำดีๆ ก็จะสามารถไปได้ไกลกว่านั้น ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว Olympus Has Fallen (2013) ผ่าวิกฤติวินาศกรรมทำเนียบขาว

2627 1

ก่อนภาค 2 จะมาในปีนี้ ขอรีวิวภาคแรกอุ่นเครื่องก่อนครับ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด นี่คือ “หนังประสานงาประจำปี” ที่เอาทำเนียบขาวมาถล่มเล่น ผมนั้นดู White House Down ก่อน ก็รู้สึกว่าหนังดูได้เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ติดใจเป็นพิเศษ โดยที่ Olympus นี่ดูทีหลัง แต่ก่อนดูก็แอบคิดในใจว่าเรื่องนี้คงสนุกกว่า เพราะอย่างน้อยดาราก็ไว้ใจได้ โทนก็ดูน่าจะสมจริง ปรากฏว่าดูเสร็จ สรุปได้ว่า “ดูได้เรื่อยๆ พอๆ กัน ไม่รู้สึกว่าเรื่องไหนเข้าเป้าเข้าวิน” WHD และ OHF นั้นจัดว่ามีดีคนละอย่างและด้อยกันคนละส่วนครับ WHD นั้นดูสนุกในฐานะหนังแอ็กชัน เอาสะใจเอามันส์ มีอารมณ์ขันเยอะ ความสมจริงไม่เน้น