รีวิว Olympus Has Fallen (2013) ผ่าวิกฤติวินาศกรรมทำเนียบขาว

รีวิว Olympus Has Fallen (2013) ผ่าวิกฤติวินาศกรรมทำเนียบขาว

Ol001

ก่อนภาค 2 จะมาในปีนี้ ขอรีวิวภาคแรกอุ่นเครื่องก่อนครับ

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด

นี่คือ “หนังประสานงาประจำปี” ที่เอาทำเนียบขาวมาถล่มเล่น ผมนั้นดู White House Down ก่อน ก็รู้สึกว่าหนังดูได้เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ติดใจเป็นพิเศษ โดยที่ Olympus นี่ดูทีหลัง แต่ก่อนดูก็แอบคิดในใจว่าเรื่องนี้คงสนุกกว่า เพราะอย่างน้อยดาราก็ไว้ใจได้ โทนก็ดูน่าจะสมจริง

ปรากฏว่าดูเสร็จ สรุปได้ว่า “ดูได้เรื่อยๆ พอๆ กัน ไม่รู้สึกว่าเรื่องไหนเข้าเป้าเข้าวิน”

WHD และ OHF นั้นจัดว่ามีดีคนละอย่างและด้อยกันคนละส่วนครับ WHD นั้นดูสนุกในฐานะหนังแอ็กชัน เอาสะใจเอามันส์ มีอารมณ์ขันเยอะ ความสมจริงไม่เน้น ประธานาธิบดีเกรียน แต่บทยังไม่เนียนเท่าไร ฯลฯ

ส่วน OHF นี่มีดีตรงดาราระดับยอดฝีมือ ลีลาการเดินเรื่องดูสมจริง และมีฉากแอ็กชันติดตาค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะตอนถล่มกันกลางอากาศหรือตอนบุกเข้ายึดทำเนียบขาวรอบแรก ช่วงที่ว่านี่มันส์มาก ตื่นเต้นบู๊กระหน่ำ พลางคิดในใจว่า “อืมม์ ถ้าจะมีคนยึดทำเนียบขาว มันก็ต้องจัดเต็มถล่มทำเนียบขนาดนี้แหละ ไม่งั้นไม่สำเร็จกันพอดี” เป็นฉากที่ดูแล้วมันส์ ตื่นเต้น และสลดไปพร้อมๆ กันครับ (ก็ต้องเห็นคนมากมายมาตายตรงหน้า อย่างกับหนังสงครามเลยนี่ครับ การสะเทือนใจย่อมเกิดได้เป็นธรรมดา)

Ol002

ช่วงที่ผมว่าสนุกที่สุดคือตอนพวกผู้ร้ายบุกยึดทำเนียบ ในขณะที่ตอนต้น (ที่หนังแนะนำปูมหลังพระเอก) และตอนหลังจากฉากยึดทำเนียบไปจนจบ ดีกรีความสนุกถือว่าอยู่ในระดับเรื่อยๆ ไม่ลุ้นหนักเท่าที่ควร ลงสูตรคุ้นเคยน่ะครับ นั่นคือคนภายนอกจะพยายามทำอะไรหรือลุยยึดทำเนียบคืนยังไงก็ไม่ได้ผล ความหวังเดียวคือพระเอกเท่านั้น ซึ่งจอห์น แม็คเคลนสำหรับหน้งเรื่องนี้ก็คือ ไมค์ แบนนิ่งครับ รับบทโดย Gerard Butler ก็เก่งตามสูตรล่ะครับ เพียงแต่ดูๆ ไปก็ยังไม่รู้สึกว่าบทนี้เด่นสักเท่าไร

โดยส่วนตัวแล้วผมว่า WHD นั้นตัวละครกลายเป็นมีสีสันกว่าครับ ดูจบแล้วชวนให้จำได้ ในขณะที่ OHF ดูจะนิ่งเกินไป อาจเพราะหนังเน้นสมจริงและดราม่าก็เลยไม่มีบุคลิกในเชิงขายความบันเทิง (เช่น อารมณ์ขัน, บทพูดเท่ห์ๆ หรือลีลาที่มนุษย์มนาไม่ค่อยทำกัน) มาทำให้เราจดจำสักเท่าไร

ดูแล้วก็ไม่ผิดฟอร์มของผู้กำกับ Antoine Fuqua เท่าไรครับ ขานี้คุมหนังได้โอเค แต่หนังของพี่ท่านส่วนมากจะสนุกหรือไม่ก็อยู่ที่บทกับดารา หากบทเข้มข้นมากพอและดาราเล่นได้จัดจ้าน งานก็จะออกมาดี อย่าง Training Day, Tears of the Sun และ Shooter แต่กับเรื่องนี้ ดารามีฝีมือครับ แต่บทยังไม่ลงล็อค ยังดันตัวละครให้เด่นไม่ได้มาก และด้านเนื้อหาก็ยังเข้มได้อีก จริงๆ ประเด็นที่หนังเอามาเล่น เอามาเป็นเป้าหมายของผู้ก่อการร้ายมันก็เข้าท่านะครับ ลองจินตนาการตามแล้วหากมีคนทำแบบนี้จริงๆ และวางแผนเพื่อทำสิ่งนี้จริงๆ ไม่เพียงแต่อเมริกาเท่านั้น แต่ทั้งโลกคงเกิดเรื่องใหญ่ไม่แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ทีเดียว

Ol003

การดู OHF ทำให้เกิดความคิดขึ้นมาหลายอย่างครับ ทำให้เรามองย้อนไปอีกครั้งว่าส่วนหนึ่งที่โลกตึง มีผู้ก่อการร้ายผุดขึ้น และเหตุพลีชีพทั้งหลาย นั่นก็เพราะท่าทีตำรวจโลกของอเมริกา จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหนังหลายเรื่องในยุคก่อนหน้านี้ ว่าเพราะอเมริกานั่นแหละที่ทำให้เกิดวายร้าย

แต่หากมองในมุมอเมริกาบ้าง? สิ่งที่อเมริกาเห็นคือมีคนพยายามก่อความไม่สงบตามจุดต่างๆ และไม่มีใครลงมือขัดขวาง ทำอะไรสักอย่างเพื่อสกัดจุดพวกมัน ก็เลยต้องจัดการแทรกแซง แม้จะดูเหมือน “เจือก” เรื่องของชาติอื่น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายสถานการณ์หากอเมริกาไม่ลงมือสกัดจุด ก็อาจเกิดหายนะรุนแรงขึ้นก็ได้

ระหว่าง “อเมริกาเป็นตำรวจโลกจนดูเหมือนยุ่งและเจือก อีกทั้งก่อให้เกิดผู้ก่อการร้ายที่แค้นเคืองอันเนื่องจากปฏิบัติการของพวกเขา” กับ “ปล่อยไว้ ชาติไหนจะฆ่ากัน จะรบกัน จะรุกรานกันก็ทำได้ตามสบาย”… แบบไหนน่าห่วงกว่า แบบไหนจะทำให้โฉมหน้าของโลกเปื้อนเลือดมากกว่ากัน

จุดที่ผมชอบประการหนึ่งใน OHF คือการสะท้อนให้เห็นถึงด้านบวกของสิ่งที่อเมริกาทำ (แม้จะเป็นการนำเสนอด้านเดียวก็ตาม เพราะมันก็จะมีด้านลบผสมด้วยเสมอ แต่ก็ดูเหมือนโลกทุกวันนี้จะบอกให้เราเข้าใจว่า วิธีสีขาวอาจมีเพียงในอุดมคติ อันว่าวิธีที่ใช้ได้จริงๆ มักปรากฏในโทนสีเทาเป็นส่วนใหญ่… แต่ก็นั่นล่ะครับ สีขาว สีดำ สีเทา… แท้จริงแล้วมันมีจริงหรือไม่? หรือมันเป็นเพียงสีที่มนุษย์กำหนดกันขึ้นมาในสมัยยังเยาว์ต่อโลก) เป็นการโปรอเมริกาที่ไม่ได้โปรจนเวอร์ไป หรือตัวละครอย่างรูธ แม็กมัลแลน (Melissa Leo) ที่อาจดูจงรักภักดีกับทำเนียบขาวมากจนหลายคนคิดว่าน่าขัน แต่หากในโลกแห่งความจริงมีคนยอมตายเพื่อเกียรติขนาดนั้นไปทำงานในสภา โฉมหน้าของสภาก็คงดูน่านับถือมากกว่าที่เป็นในทุกวันนี้ (แน่นอนครับว่า ผมหมายถึงสภาบ้านเรา ไม่ใช่บ่้านเขาหรอก )

เอาเป็นว่าหนังดูได้ครับ ถ้าชอบอะไรเข้มๆ เรื่องนี้ก็ถือว่าไม่เลว โดยส่วนตัวแล้วดูแค่ฉากยึดทำเนียบผมว่าก็คุ้มแล้วล่ะครับ
คะแนนความชอบ 6.5/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
Ol004

ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

Similar Videos

รีวิว Wish Upon (2017) พร ขอ ตาย

2356 0

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด เมื่อพิจารณาแบบรวมๆ แล้วก็รู้สึกครับว่า Wish Upon คือหนังสยองที่ยำเอาจุดเด่นจากหนังสยองรุ่นก่อนๆ มาใช้งาน ไม่ว่าจะ The Omen, Wishmaster และ Final Destination เป็นต้น ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว Office Christmas Party (2016) ออฟฟิศ คริสต์มาส ปาร์ตี้

2485 0

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด หนังเรื่องนี้ดูเพลินกว่าที่คิดไว้ครับ คือตอนแรกก็คิดเอาไว้ว่ามันคงออกแนวฮาเลอะๆ เทอะๆ ห่ามๆ เหมือนเอา American Pie มายำกับ Horrible Bosses อะไรเทือกนั้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้มันก็ราวๆนั้นน่ะครับ เพียงแต่มันไม่เลอะเทอะจนเกินไป ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว The Girl with the Dragon Tattoo (2011) พยัคฆ์สาวรอยสักมังกร

2460 0

ไม่รู้ว่าจะได้ดูภาคต่อของฉบับนี้เมื่อไรน่ะนะครับ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยภาคแรกนี่ก็ถือว่าทำออกมาได้เข้มข้น นำเสนอเรื่องราวได้ดี และคู่ควรแก่การดูซ้ำอยู่เหมือนกัน ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด