รีวิวซีรี่ส์ Jessica Jones Season 1 (2016)

รีวิวซีรี่ส์ Jessica Jones Season 1 (2016)

j001

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด

ซีรี่ส์จากค่าย Marvel ที่ตามรอยความสำเร็จของ DareDevil ออกมาครับ ร่วมทำกับ Netflix แล้วก็ผลิตออกมาฉายให้ดูพร้อมกัน 13 ตอนไปเลย

ตัวเอกคือ เจสสิก้า โจนส์ (Krysten Ritter) อดีตฮีโร่ที่ผันตัวมาเป็นนักสืบเอกชน คอยตามสืบคดีต่างๆ แล้วคนจะจ้างครับ ซึ่งใน 13 ตอนของซีซั่นแรกนี้ เราก็จะได้เห็นเจสสิก้าสืบคดี รวมถึงเผชิญหน้ากับปมในอดีตของเธอด้วย

แม้จะอยู่ใน Universe เดียวกับ DareDevil แต่รสชาติก็มีความแตกต่างเฉพาะตัวออกไปครับ ใน DD นั้นออกแนวฮีโร่หม่นมืดและสมจริง ในขณะที่ JJ จะมาในสไตล์หนังสืบสวนครับ บางช่วงนี่ให้อารมณ์เหมือนหนังฟิล์มนัวร์เลยก็ว่าได้

ขยายความคำว่าฟิล์มนัวร์เล็กน้อยนะครับ หนังแนวนี้คือหนังประเภทที่มักจะนำเสนอมุมมืดของคน นำเสนอถึงมิติของมนุษย์ที่ไม่มีใครดีหรือเลวเต็มร้อย ทุกคนล้วนมีด้านมืดและสว่างของตัวเองทั้งสิ้น โดยหนังนัวร์นี้จะเอาด้านมืดมาขับเน้นให้เราเห็นชัด

j002

ดังนั้น JJ เลยไม่ใช่ซีรี่ส์แนวแอ็กชันแบบ DD ครับ แต่จะออกแนวสืบสวน ตามปม แล้วก็ผสมดราม่าลงไป ซึ่งดีกรีความหนักจะไม่มากเท่า DD ที่บางจังหวะมันหนักพอจะทำให้เราจิตตกหรือเครียดได้ง่ายๆ เลย แต่กับ JJ โทนจะไม่หนักขนาดนั้นครับ คือหนักน่ะก็หนักอยู่ แต่ไม่ถึงกับหนังอึ้งทิ้งดิ่งทั้งเรื่องและบรรยากาศเท่า DD

ตอนต้นๆ ของซีรี่ส์อาจยังไม่มีอะไรดึงดูดแบบเต็มที่ ก็อยากให้ลองดูจนถึงสักตอนที่ 3 หรือ 4 ครับ หากไม่แนวค่อยหยุดก็ได้ สำหรับผมนั้นมาติดจริงๆ จังๆ ก็ตอน 3 นี่แหละครับ แล้วก็ติดยาวดูเรื่อยไปยันจบเลย

ช่วงที่สนุกจริงๆ ของซีรี่ส์นี้คือช่วงกลางๆ เรื่อยไปจนถึงตอนท้ายๆ ครับ ไม่ได้หมายถึงตอนท้านไม่สนุกนะ คือมันยังสนุกดีอยู่ล่ะครับ สนุกกว่าตอนแรกๆ ด้วย แต่ดีกรีความน่าติดตามของตอนกลางๆ มันเยอะกว่า ส่วนหนึ่งก็เพราะการทิ้งปมด้วยล่ะครับ ปมมันน่าสนใจ

นอกจากตัวละครเจสสิก้าแล้ว เรายังจะได้รู้จักกับ ลุค เคจ (Mike Colter) ฮีโร่อีกคนที่ตอนนี้ Marvel กับ Netfilx ก็สร้างซีรี่ส์ตาม JJ ออกมาแล้ว โดยใน JJ นี่จะถือเป็นการแนะนำให้เราคุ้นเคยกับลุค เคจ มากขึ้นครับ

j003

Ritter ที่มารับบทเจสสิก้านั้น จริงๆ เธอเป็นดาราหน้าคุ้นคนหนึ่งเลยนะ ที่จำได้แม่นๆ คือบทเพื่อนนางเอกใน Confessions of a Shopaholic แต่ตอนนั้นรัศมีเธอยังไม่เยอะเท่าไร ครั้นมาเรื่องนี้ถือว่าเล่นบทที่เหมาะครับ รัศมีเลยมาชัดขึ้น ท่าทางเธอเหมาะกับบทเจสสิก้าดี คือดูไม่ได้สวยจัด แต่มีเสน่ห์ แอบโทรมนิดๆ แต่ก็มีความน่ารักแฝงอยู่

แต่รายที่หลายคน (โดยเฉพาะหนุ่มๆ) น่าจะจำได้แม่นกว่าคือ Rachael Taylor ในบท ทริช รายนี้ก็เป็นดาราทีสวยและมีเสน่ห์มากคนหนึ่งครับ ผมเองก็สารภาพว่าลุ้นให้เธอดังมาหลายรอบ แต่ก็ยังไม่มีบทที่สร้างชื่อจริงๆ ซะที ว่าตามจริงเธอเล่นซีรี่ส์มาหลายเรื่องแล้วครับ แต่ส่วนใหญ่สร้างได้แค่ปีเดียวก็เลิก ไม่ว่าจะ Charlie’s Angels, 666 Park Avenue และ Crisis เช่นเดียวกับหนังใหญ่ ที่ยังไม่มีหนังแจ้งเกิดให้เธอได้แบบเต็มๆ สักที (เธอเคยเล่น Shutter ฉบับรีเมคครับ)

และอีกคนที่ผมชอบก็คือ David Tennant รายนี้ชอบมาตั้งแต่ Doctor Who แล้วครับ สำหรับบทในเรื่องก็คือ คิลเกรฟ ตัวร้ายประจำปีนี้ ก็ถือว่าเหมาะนะ พี่แกได้ใช้ลีลาและความสามารถแบบสนุกเลยล่ะ

j004

มานึกๆ ดู ดาราใน Doctor Who นี่มาเป็นตัวร้ายให้ Marvel 3 คนแล้วนะ คนแรกก็ Christopher Eccleston เป็นมาลาคิธ ใน Thor: The Dark World, คนต่อมาก็ Karen Gillan มาเป็นเนบิวล่า ใน Guardians of the Galaxy แล้วก็มา Tennant อีกคน ซึ่งส่วนก็คงเพราะพวกเขาเล่นดีด้วยล่ะครับ เลยไม่แปลกที่จะได้มาเล่นบทที่ต้องใช้ฝีมือแบบนี้

ครับ สรุปว่าเป็นซีรี่ส์แนวสืบสวนที่ทำได้ดีครับ เป็นส่วนผสมที่พอเหมาะระหว่างหนังสืบสวน, หนังนัวร์ และหนังซูเปอร์ฮีโร่ เพียงแต่หากต้องเทียบระหว่าง DD กับ JJ ล่ะก็ ผมยังยกให้ DD เข้มข้นเหนือกว่าอยู่ครับ
คะแนนความชอบ 8/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน

ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

Similar Videos

รีวิว The Theory of Everything (2014) ทฤษฎีรักนิรันดร

2287 0

ออสการ์ที่ผ่านมาผมก็ลุ้นให้ Eddie Redmayne ได้ออสการ์นำชาย พอๆ กับที่ผมลุ้นให้ J.K. Simmons ได้ออสการ์สมทบชายนั่นแหละครับ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด The Theory of Everything ถือเป็นหนังดราม่า+โรมานซ์+ชีวประวัติที่ทำออกมาได้สวยงามครับ ไม่ว่าจะด้านภาพ ด้านเรื่องราว และแง่คิดที่หยิบมาจากชีวิตจริงของคนจริงๆ ที่ต้องเผชิญอะไรมากมายจากโรคร้ายที่รุมเร้าร่างกาย ***เอาล่ะครับ เดี๋ยวด้านล่างนี่มีสปอยล์แน่นอน ดังนั้นถ้าไม่อยากทราบข้ามไปได้เลยนะครับ เอาเป็นว่าหนังเรื่องนี้ดีน่าดูครับผม 1. Redmayne สุดยอดจริงๆ ครับ ข้อดีที่น่าจดจำของเขาไม่ได้แค่ว่าเขาหน้าคล้ายสตีเฟน ฮอว์คิงเท่านั้น แต่มันคือการแสดงที่ถ่ายทอดอาการกล้ามเนื้อเป็นอัมพาตทีละส่วนได้อย่างสมจริงสุดๆ หลายฉากทำเอาขนลุกครับ เพราะเหมือนจริงมากจนรู้สึกสงสารและบ่อน้ำตาตื้นขึ้นมาจับใจ (ฉากที่น้ำตาเริ่มมาก็คือ “เจนถือกระดานตัวอักษร” น่ะครับ กรีดแทงใจมากๆ)

รีวิว Killing Ground (2016) แดนระยำ

2385 0

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด หนังเรื่องนี้ก่อให้เกิดความรู้สึก 2 ห้วงขึ้นมาในหัวของผม ห้วงแรกเกี่ยวกับตัวหนัง อีกห้วงหนึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ในเรื่องที่หนังพาเราไปสำรวจ (ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ชวนอึดอัดและไม่อยากให้เกิดกับใครทั้งนั้น) ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว Fantastic Four (2015) แฟนแทสติก โฟร์

1843 0

การดู Fantastic Four ล่าหลังกว่าคนอื่นคงถือเป็นความโชคดีประการหนึ่งครับ เพราะหลังจากผ่านตาคำบ่นของคนดูมามากๆ เข้า อันว่าความคาดหวังของเราก็ลดต่ำลงตามลำดับ จนก่อนจะตีตั๋วดูนี่ทำใจได้สบายๆ ครับ คือหนังจะแย่แค่ไหนก็รับได้แล้วล่ะ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด และคงเพราะแบบนั้นผมเลยไม่ถึงกับรู้สึกแย่กับ FF ขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ชอบหรอกนะครับ คือมันดูได้เรื่อยๆ ดูจบแล้วก็จบกัน ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรมากมาย ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด