Stand Up Guys เป็นหนังดราม่าเบาสมองว่าด้วย 3 อาชญากรวัยดึกที่มารวมตัวกันเพื่อทำอะไรแบบที่อยากทำอีกสักครั้งให้มันเต็มที่สะใจกันไป (ประมาณว่าอายุปูนนี้แล้วน่ะครับ จะอยู่อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้)

เป็นหนังที่ดูเพลินได้ด้วยพลังของ 3 ดาราลายครามอย่าง Al Pacino, Christopher Walken และ Alan Arkin ที่พูดก็พูดเถอะครับว่าหนังมันไม่ได้สมบูรณ์แบบเต็มร้อยหรอก บทยังไม่แน่นไม่เจ๋งแบบจัดๆ ขนาดนั้น แต่ก็ถือว่ามีทิศทางและมีประเด็นให้เราตามไปเรื่อยๆ จนจบ

แต่กระนั้นผมก็ชอบหนังเรื่องนี้พอสมควรครับ

อย่างที่บอกว่าชอบเพราะดารามาประชันฝีมือกัน มันอาจไม่ใช่การเชือดเฉือนเข้มข้น (แบบ Robert De Niro มาเจอ Pacino ใน Heat) แต่มันเป็นการเข้าขากันแบบพอเหมาะ ดูแล้วเชื่อว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันมา ผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมา ฉากไหนชวนให้ขำก็ขำ ฉากไหนชวนให้สะเทือนใจ เราก็อดสะเทือนใจตามไปด้วยไม่ได้

ดูแล้วก็นึกถึง Last Vegas เหมือนกันนะครับ พล็อตบางส่วนจะคล้ายกัน เพียงแต่เรื่อง Last Vegas มันเล่าลื่นและบทมันครบ มันเล่าถึงแต่ละตัวละครได้อย่างเข้าถึง ในขณะที่เรื่องนี้แม้ดาราจะฝีมือดี แต่ในแง่ของบทหรือมิติตัวละครแต่ละตัว หนังยังลงไม่ลึกได้ขนาดนั้น

แต่ที่ดูแล้วผมสามารถสัมผัสตัวตน ความคิด หรือสไตล์ของ 3 ตัวเอกได้นี่ก็เพราะฝีมือการแสดงเก๋าๆ ของดารานี่แหละครับ ประมาณว่าบทแม้ไม่ลึกขนาดนั้น แต่พวกป๋าเขามือชั้นครูแล้ว เลยสามารถต่อยอดและถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้จากอินเนอร์ของตัวเอง และฝีมือระดับนี้นี่แหละครับที่ทำให้ผมเพลินกับหนังได้ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ (อีกอย่างหนังยาวแค่ชั่วโมงครึ่งครับ กำลังพอเหมาะ ถ้ายาวกว่านี้หนังอาจน่าเบื่อก็ได้)

หนังมีช่วงฮาๆ แบบได้ผลอยู่หลายตอนเหมือนกัน อาทิเช่น “ภาวะไอ้จ้อนแข็งค้าง” เป็นอะไรที่ฮาแสบไส้จริงๆ ครับ (นึกตอนนี้ยังฮาเลยครับ 555)

แต่ฉากที่ผมชอบสุดยกให้ฉากที่วาล (Al Pacino) พูดไว้อาลัยตรงหลุมศพของเพื่อนคนหนึ่ง

วาลพูดว่า “วันนี้มีคนรู้จักที่เราน้อยลงไปอีกคน… คนที่รู้เรื่องราวของเรา คนที่เคยแบ่งปันช่วงเวลาในอดีตกับเรา…

… ว่ากันว่าคนเราจะตาย 2 ครั้ง ครั้งแรกคือเมื่อลมหายใจของเราหมดลง และอีกครั้ง คือตอนคนสุดท้ายในโลกที่รู้จักเรา เอ่ยชื่อเราเป็นครั้งสุดท้าย”

ฟังวาลพูดแล้วมันอินเลยนะครับ คือมันจริงน่ะ วันที่ใครสักคนในชีวิตเราจากไป ย่อมหมายความว่าโลกนี้หมดคนที่จดจำเราได้ไปอีกหนึ่งคน

และวันใดที่คนสุดท้ายที่รู้จักเรา เขาระลึกถึงเราเป็นหนสุดท้าย นั่นคือบทอวสานของเรื่องราวเรา บนโลกกลมๆ ใบนี้

เป็นประโยคที่มีความหมายจริงๆ

หนังเรื่องนี้อาจไม่ได้เหมาะกับคนทุกคนหรอกครับ เหมาะสำหรับคนชอบ 3 ดารานำรุ่นปู่ หรือชอบเรื่องราวสไตล์ “คนแก่ทำอะไรสักอย่างส่งท้าย ก่อนจะไม่ได้ทำมันอีกต่อไป” ซึ่งก็ต้องขอย้ำล่ะครับว่าหนังมันก็ไม่ได้ดีเลิศ แต่ก็จัดว่าน่าจดจำไม่น้อย
คะแนนความชอบ 7/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน