ผมสงสัยเสมอว่าทำไม Sin City: A Dame to Kill For ถึงทำรายได้ไม่สวยเลย (ทำไป $39 ล้านจากทั่วโลก ในขณะที่ทุนนั้นปาเข้าไป $65 ล้าน)

จริงๆ หนังมาในสไตล์เดิมน่ะครับ ภาพขาวดำ มีสีสันตัดเป็นระยะๆ แต่ละฉากก็เหมือนภาพในการ์ตูนคอมมิคเอามาร้อยเรียงเป็นเรื่องราว แล้วก็มีมุมกล้องแปลกๆ มีภาพอาร์ทๆ ผสมลงไป เรียกว่าเป็นหนังที่ดูสวยและเจ๋งดีอยู่ครับ

แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่เราเห็นในภาคแรกมันได้อารมณ์สดกว่า และลีลาเล่นกับภาพในภาคแรกก็มีพลังดึงดูดกว่า แต่ก็ไม่แน่ครับ หากใครไม่เคยดูภาคแรกมาก่อนแล้วมาดูภาคนี้ ก็อาจยังพอจะรู้สึกโดนกับสไตล์ภาพที่ว่านี่ก็ได้

ส่วนผมซึ่งโปรดภาคแรกมากๆ ก็รู้สึกว่าแม้ภาพจะยังสวย แต่มันไม่ได้อารมณ์พลิ้วไปกับเรื่องราวเท่ากับที่หนังภาคแรกเคยทำไว้

ในแง่ของเรื่องราวนั้น ภาคนี้เล่าแบบไม่ซับซ้อนเท่าไร เดินเรื่องแบบตรงๆ ไม่ได้ตัดไปตัดมาหรือมีการแทรกเรื่องราวแบบภาคแรก เลยทำให้เสน่ห์ความแนวลดลงไปพอตัว

และถ้าว่ากันถึงบทแล้ว พล็อตก็ไม่มีอะไรมากครับ หลักๆ ก็เป็นเรื่องของจอห์นนี่ (Joseph Gordon-Levitt) หนุ่มนักพนันที่มาเพื่อดวลไพ่กับวุฒิฯ โร้ก (Powers Boothe) ตัวร้ายเจ้าประจำของเมือง

ตามด้วยเรื่องของดไวท์ (Josh Brolin) ในช่วงชีวิตก่อนเรื่องราวใน SIn City ภาคแรก (ใช่ครับ มันคือการย้อนไปเล่าเรื่องก่อนหน้าอีกแล้ว) ที่ต้องพบกับคนรักเก่าผู้เร่าร้อนแต่ก็แฝงไว้ซึ่งอันตรายอย่างเอวา (Eva Green)

แล้วก็เรื่องของแนนซี่ (Jessica Alba) สาวน้อยที่ยังมีแค้นต้องชำระกับ วุฒิฯ โร้กอีกคน

หนังเดินเรื่องไปเรื่อยๆ ครับ ซึ่งก็ยังดีที่ได้งานภาพสวยๆ ช่วยไว้ หนังเลยพอจะดูเพลินได้อยู่ และด้วยความที่หนังยาวแค่ 1 ชั่วโมง 40 นาที อะไรๆ มันเลยไม่น่าเบื่อจนเกินไป

หนังยังคงกำกับโดย Frank Miller และ Robert Rodriguez คู่เดิมจากภาคแรก แต่พลังความน่าสนใจลดระดับลงไปพอตัวครับ นี่ถ้าถอดเอาโทนภาพการ์ตูนคอมมิคออก หนังคงจะดูธรรมดาไปเลย

ดาราที่มาเล่นจริงๆ ก็เวิร์กครับ เพียงแต่บทมันยังไม่เจ๋งพอ และตัวละครหลายคนจากภาคแรกก็มีการแคสกันใหม่ในภาคนี้ด้วยหลาย เหตุผล เช่น Dennis Haysbert มารับบทแทน Michael Clarke Duncan ที่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2012, Jamie Chung มารับบทมิโฮะแทน Devon Aoki ที่กำลังตั้งท้องในช่วงถ่ายทำพอดี

Jeremy Piven ก็มารับบท บ็อบ ตำรวจตัวแสบแทน Michael Madsen ที่เคยเล่นไว้ในภาคแรก และ Brolin มารับบทแทน Clive Owen ที่เนื่องจากเรื่องในภาคนี้ว่าด้วยเหตุการณ์ก่อนที่ดไวท์จะไปทำศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้า (ในภาคแรกก็มีการกล่าวถึงไว้ครับ)

และจริงๆ จะต้องมีบทของเชลลี่ที่ Brittany Murphy แสดงไว้ แต่ Miller กับ Rodriguez ตั้งใจละบทนี้ไว้ เพื่อไว้อาลัยให้กับเธอ

ครับ ก็สรุปว่าแฟนภาคแรกอาจต้องทำใจสักหน่อยก่อนดูภาคนี้ เพราะหลายอย่างมันดร็อปลงมาครับ ความสนุก เร้าใจ และความน่าติดตามมันไม่มากเท่าของเก่า แต่หนังจัดว่าเหมาะสำหรับดูเพื่อเติมเต็มเรื่องราวของตัวละครที่เราชอบ บางอย่างที่เราไม่เคยรู้ก็จะได้รู้ และบางปมที่คาไว้ในภาคแรก เราก็จะได้รู้ว่ามันจะจบลงอย่างไร

แต่ข้อดีอย่างหนึ่งของหนังภาคนี้คือ พอดูจบแล้วหนังสามารถสร้างอารมณ์ประมาณว่า “เมืองนี้มันต้องสาปชัดๆ” ได้สำเร็จในระดับหนึ่งครับ มันทำให้คำว่า Sin City มีนิยามที่ชัดเจนมากขึ้น
คะแนนความชอบ 6/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน