รีวิว IT (2017) อิท โผล่จากนรก (ตอนที่ 2)

รีวิว IT (2017) อิท โผล่จากนรก (ตอนที่ 2)

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด

พวกเขาเล่นกันได้ดีเลยน่ะครับ คือดูแล้วเชื่อว่าเป็นเพื่อนกัน เวลาคุยกันเล่นกับแซวกันดูเป็นก๊วนไปกันได้จริงๆ แล้วพอถึงวาระแห่งมิตรภาพ เวลาต้องไปร่วมเป็นร่วมตาย หรือเวลาขี่จักรยานไปด้วยกันนี่มันดู… ดูเป็น “พวกเขา (จากในหนังสือ)” จริงๆ น่ะครับ

แต่คนที่กระชากใจผมไปเต็มๆ คือ Robert Scott ที่เล่นเป็นจอร์จี้น่ะครับ รายนี้บทไม่เยอะ แต่ฉากต้นเรื่องนี่เป็นอะไรที่บีบคั้นจิตใจมาก ทั้งการเล่าเรื่อง มุมกล้อง และการแสดง มันทำให้เราใจหายโคตรๆ กับภาพที่เห็น แม้ผมจะรู้อยู่แล้วก็เถอะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ทำเอาใจสลายไปเลยเหมือนกัน (แม้จะดูหนังฉบับเก่ามากี่ที แม้จะอ่านนิยายมากี่หน ก็ไม่เคยต้องมาเห็นภาพ “เหตุการณ์วันนั้นของจอร์จี้” แบบเต็มตาขนาดนี้มาก่อน)

บอกตรงๆ จากใจว่าฉากนั้นทำให้ผมโคตรแค้นเพนนีไวส์เลยนะ ชนิดที่ถ้าทำได้ผมโดดลงไปกระทืบมันแล้ว มันเป็นอะไรที่โหดมากจริงๆ ซึ่งก็ต้องชมทีมงานทุกภาคส่วนล่ะครับที่ทำฉากนี้ออกมาได้แรงกระแทกใจจนผมอินจิกเบาะได้ขนาดนั้น และที่ไม่ชมไม่ได้คือ Skarsgård ที่สามารถสวมบทเพนนีไวส์ได้อย่างน่าปรบมือ

เพนนีไวส์ตนนี้โหดเหี้ยม แต่ก็มีใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอยู่ตลอด ยอมรับว่า Skarsgård เล่นได้ดีมากครับ เรียกว่าไม่น้อยหน้าที่ Tim Curry เคยทำไว้ในฉบับปี 1990 เลย แต่ฉบับนี้เราจะได้เห็นเพนนีไวส์ในหลายลีลามากกว่าของเก่าหน่อย โดยเฉพาะตอนท้ายที่ถือว่ามีรายละเอียดเพิ่มขึ้นมากกว่าฉบับที่แล้วพอสมควร นอกจากนี้น้ำเสียงของเขายังดูโฉดชั่วอย่างยิ่งอีกด้วย

และเพราะฉากแรกนี่แหละ ที่ทำให้ผมมองเพนนีไวส์ตนนี้ในฐานะ “ตัวร้ายที่ต้องโดนกำจัด” ได้สำเร็จ (ยังไงฉากเด็กโดนทำร้ายมันก็สะเทือนใจผู้ชมเสมอครับ ยิ่งตอนนี้ผมเป็นพ่อคน มันก็คงจะทำให้อารมณ์ที่มีต่อภาพที่เห็นเข้มข้นขึ้น)

การเล่าเรื่องถือว่าเล่าได้ดีครับ สลับกันระหว่างการเล่าเรื่องชีวิตของเด็กทั้ง 7 กับฉากสยองทั้งหลาย จัดว่าเล่าได้ลื่นไม่น่าเบื่อ ผมชอบปฏิสัมพันธ์ที่เด็กแต่ละคนมีให้กันน่ะครับ อย่างบิลกับผองเพื่อน หรือเบนกับเบฟเวอร์ลี่ที่มันดูน่ารักดี (เชื่อว่าหลายคนก็คงแอบเอาใจช่วยเบนอยู่ลึกๆ เหมือนกัน)

หนังมีกลิ่นอายของ Stand By Me ครับ ซึ่งก็อย่างที่บอกว่าแก่นของเรื่องคือเรื่องของพวกเด็กๆ ไม่ว่าจะความทรงจำที่มีร่วมกัน, ความเจ็บปวดที่พวกเขาต้องเผชิญ และการก้าวข้ามความกลัวทั้งหลาย ซึ่งใน IT ฉบับนี้ถือว่ามีครบครับ อาจไม่ถึงกับลงตัวสุดยอดในประเด็นเหล่านี้ แต่ก็พูดได้ว่าอยู่ในข่ายดีครับ

Andy Muschietti คุมหนังเรื่องนี้ได้ดีกว่าที่ผมคาดไว้นะ เพราะจริงๆ ผมก็ไม่ถึงกับชอบเรื่อง Mama สักเท่าไร (คือดูได้เพลินๆ แต่ไม่ได้ชอบอะไร) แต่เรื่องนี้จังหวะจะโคนถือว่ากำลังดีครับ มีครบรสทั้งสยอง, ดราม่า, ตลก เพียงแต่อาจยังไม่ถึงกับครบเครื่องแบบเต็มร้อยเท่านั้นเอง

ผมชอบที่หนังเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ดี อย่างการที่หนังไปเกิดเหตุในปี 1989 เราก็จะได้เห็นโรงหนังติดป้ายฉาย Batman และ Lethal Weapon 2 หรืออย่างฉากในห้องของเบฟเวอร์ลี่ เราจะได้เห็นหนังสือ “เจ้าชายกบ” วางอยู่ ซึ่งก็สื่อนัยชีวิตของเบฟได้ดี หรือฉากที่หนุ่มๆ มองเบฟตาเป็นมัน นั่นก็เรียกเสียงฮาได้ดีเหมือนกัน

ฉากไคลแม็กซ์ถือว่าทำได้มันส์ครับ ด้านความลุ้นก็ถือว่าใช้ได้ (แต่เอาจริงๆ ผมก็ยอมรับว่าไม่ถึงกับลุ้นอะไร เพราะรู้หมดแล้วว่าใครจะเป็นอะไรบ้าง และมันจะจบลงอย่างไร) และตอนจบก็รอให้เราไปดูภาคต่อแบบเต็มที่ ซึ่งก็สร้างแน่ๆ ล่ะครับ ลองว่าหนังทำเงินระเบิดระเบ้อขนาดนี้

เกร็ดที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้ที่ผมอยากแบ่งปันก็คือ แรกเริ่มเดิมทีหนังจะกำกับโดย Cary Fukunaga (True Detective ปี 1) แต่เนื่องจากงบสร้างที่เขาเสนอสูงกว่าที่สตูดิโอคาดไว้ และสิ่งที่เขาตั้งใจนำเสนอก็อาจทำให้หนังถึงขั้นติดเรต NC-17 ได้ ด้วยเหตุนี้เขาและสตูดิโอเลยแยกทางกันครับ

หลังจากนั้น The Duffer Brothers ก็เสนอตัวว่าอยากกำกับ แต่ทางสตูดิโอก็เห็นว่าพี่น้องคู่นี้ยังไม่มีชื่อเสียงมากพอเลยบอกปัดไป แล้วในเวลาต่อมาพี่น้องคู่นี้ก็ไปทำ Stranger Things (ที่มีกลิ่นอายของ Stephen King แบบเต็มๆ) จนดังระเบิด และ Finn Wolfhard ที่เล่นเป็นไมค์ หนึ่งในตัวเอกจาก ST ก็มาเล่นเรื่องนี้ในบทริชชี่ด้วย ซึ่ง Wolfhard นั้นยังถือเป็นดาราเพียงคนเดียวที่ยังได้เล่นเรื่อง IT ต่อ หลังจาก Fukunaga ประกาศว่าจะไม่กำกับเรื่องนี้ (กล่าวคือดาราคนอื่นที่ Fukunaga แคสไว้โดนเปลี่ยนตัวหมด ยกเว้น Wolfhard คนเดียว)

โดยรวมแล้วหนังทำได้ดีทีเดียวครับ ได้อารมณ์หนังสยอง และหนังก็ไม่พลาดที่จะเล่าแก่นหลักจากนิยาย (เรื่องเชิงดราม่าของเด็กๆ) แม้จะไม่ลงลึกมากก็ตามแต่ก็พอเดาได้แต่แรกแล้วครับว่าหนังคงลงรายละเอียดได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากจำกัดด้วยเวลา (แค่นี้ก็ 2 ชั่วโมงนิดๆ แล้วครับ) ซึ่งหากมองกันที่องค์รวม ก็ถือว่าหนังสามารถจับสิ่งสำคัญจากนิยายมาใส่ลงจอได้ดีครับ (แม้จะไม่ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าเกินครึ่ง)

เอาเป็นว่าผมแนะนำให้ดูครับ ผมชอบ แม้จะไม่สามารถรับประกันได้ว่าทุกคนจะชอบ แต่ผมก็อยากให้ลองหาโอกาสดู ไม่ดูตอนนี้จะรอแผ่นก็ได้ครับ แต่อยากให้ได้ลองสักครั้ง เพราะนี่คือหนังสยองขวัญที่ผสมเรื่องราวแนวชีวิตลงไปได้แบบกำลังดี… ของแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ ครับ
คะแนนความชอบ 8/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน

ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

Similar Videos

รีวิว The Road Within (2014) ออกไปซ่าส์ให้สุดโลก

1993 0

หนังดีอีกเรื่องที่จัดว่าโดนใจทีเดียวครับ มันเป็นส่วนผสมระหว่างหนัง Feel Good กับ Feel Suck กล่าวคือมีทั้งส่วนที่ดูแล้วเกิดความหวังและพลังชีวิต แล้วก็มีส่วนที่ดูแล้วตระหนักถึงด้านเฮงซวยของชีวิตอยู่เหมือนกัน แต่สำหรับผมแล้ว ผมรู้สึกว่าตัวเองได้อารมณ์ Feel Good มากกว่าหลังจากดูจนจบครับ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว Slumdog Millionaire (2008) สลัมด็อก มิลเลียนแนร์ คำตอบสุดท้าย อยู่ที่หัวใจ

2499 0

เชื่อไหมครับว่าผมเพิ่งดู Slumdog Millionaire จบเมื่อวานนี้เอง ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ไม่ใช่ไม่อยากดูนะครับ ผมน่ะดูตั้งแต่วันแรกๆ ที่หนังมาเลย แต่วันนั้นผมนั่งดูกับแฟน (ที่ปัจจุบันเธอคือภรรยาของผมนั่นเอง) แล้วเธอรู้สึกว่าหนังมันเครียด เธอเลยขอไม่ดู ผมก็เลยหยุดดูตามคำขอ แล้วจากนั้นผมก็ไม่ได้ดูมันอีกเลยตั้งหลายปีล่วงมาแล้ว … บางครั้งเราก็ต้องทำเพื่อรักน่ะนะครับ ครั้นพอหยิบมาดูวันนี้ หนังดีจริงอะไรจริง ดูแล้วเต็มอิ่มทีเดียว ช่วงต้นๆ ของหนังก็ดูเครียดเล็กๆ จริงๆ ล่ะครับ แต่มันน่าติดตามนะ บทหนังเขียนได้ฉลาดมากๆ กับการเอาเหตุการณ์เล่นเกมเศรษฐีของจามาล (Dev Patel) มาเล่าสลับกับอดีตของเขา ซึ่งหนังร้อยเรียงและบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างพอเหมาะอย่างยิ่งเลยครับ สนุกมาก ชวนติดตามมาก โดยรวมแล้วมันคือหนังดราม่าผสมผจญภัย (ในโลกที่โหดร้าย) เข้ากับหนังโรแมนติกแบบพอดีๆ ทุกส่วนผสมกันลงตัว

รีวิว The Atticus Institute (2015) วิญญาณหลอน เฮี้ยนสุดนรก

245 0

มาอีกแล้วครับ หนังสยองสไตล์ Found Footage แต่สำหรับ The Atticus Institute เรื่องนี้ มันไม่ใช่แค่ Found Footage ธรรมดานะครับ มันมาเป็นสารคดีเลย ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด