Cold War ภาคแรกถือเป็นหนังจีนฮ่องกงแนวเฉือนคมที่ทำออกมาได้เข้มข้นครับ แม้จะไม่ถึงขั้น Infernal Affair แต่ก็ถือว่าทำได้สนุกแบบที่พบได้ไม่บ่อยสำหรับหนังฮ่องกงและหนังจีนยุคหลังๆ (ที่ดูจะเน้น CG ซะจนล้น)

จำได้ว่าตอนดูภาคแรกนั้น ช่วงต้นๆ ผมยังไม่ถึงกับอะไรมาก เพราะการลำดับเรื่องบางอย่างดูจะกระท่อนกระแท่น แต่พอดูๆ ไป พอเข้าใจอะไรๆ มากขึ้นก็เริ่มมันส์ครับ แล้วความชอบก็เกิดในใจผมไปจนหนังจบเลยทีเดียว

จุดเด่นอย่างหนึ่งของภาคแรกคือประเด็นเรื่องศักดิ์ศรี เรื่องเกียรติ เรื่องการบริหารจัดการ และเรื่องชัยชนะ โดยนำเสนอผ่านการขับเคี่ยวของ 2 ตัวละครหลักอย่าง หลี่เหวินปิง (เหลียงเจียฮุย) รองผบ.ตร. ฝ่ายปฏิบัติการ และหลิวฉีฮวย (กั๊วฟู่เฉิง) รองผบ.ตร. ฝ่ายบริหาร ที่ต้องรับมือกับภัยก่อการร้าย

แม้ภาคแรกมันอาจไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบ แต่ก็จัดว่าทำได้มันส์ เข้ม และน่าติดตาม พลังสำคัญของหนังคือดาราที่เลือกระดับท็อปมาประชันกัน และถ้าว่าตามจริงตัวบทเองก็มันส์ครับ มีการเฉือนคมกันเยอะอยู่ เพียงแต่การเล่าเรื่องและร้อยเรียงอาจยังไม่สุดๆ เท่านั้นแหละ

ภาคแรกถือเป็นหนังที่หากใครชอบแนวเฉือนคมล่ะก็ ผมแนะนำเลยครับ แต่อย่าตั้งความหวังมากก็แล้วกัน (บอกแล้วครับว่ามันไม่ได้เด็ดเท่า Infernal Affair)

สำหรับ Cold War II ก็เล่าเรื่องต่อจากภาคแรกครับ ตอนนี้หลิวฉีฮวยต้องเจอกับผู้ร้ายที่ดูท่าว่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในภาคแรก และทำให้หลี่เหวินปิงต้องกลับมาลงสนามอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ตัวการใหญ่ที่ทำให้เกิดเรื่องในภาคแรกก็จะค่อยๆ เผยตัวให้เราได้เห็นว่าตกลงมันทำไปเพื่ออะไรกันแน่

ความรู้สึกที่ผมมีต่อภาคนี้เหมือนจะสลับกับภาคแรกครับ นั่นคือผมรู้สึกโอเคมากเลยในตอนต้นๆ เพราะหนังเข้าเรื่องเร็วมาก กำหนดให้หลิวฉีฮวยต้องลงสนามลุยแอ็กชัน เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตั้งแต่ 20 นาทีแรก

แล้วจากนั้นเรื่องก็เข้มข้นขึ้นเมื่อเขาโดนตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งทุกคนต่างเห็นตรงกันว่าหลิวฉีฮวยกำลังโดนเล่นงานจากคนบางกลุ่มอย่างแน่นอน แล้วสักพักหนังก็เริ่มเฉลยให้เรารู้ว่าผู้อยู่เบิ้องหลังเรื่องนี้ต้องการอะไรกันแน่

ช่วงต้นนี่ถือว่าสนุก น่าติดตาม มีความน่าสนใจ และการมาของทนายอาวุโส (โจวเหวินฟะ) ก็ทำให้หนังดูมีพลังมากขึ้น แต่ทีนี้พอเดินไปสักค่อนเรื่อง พอปมส่วนใหญ่ได้รับการเฉลยแล้ว ความน่าติดตามก็ดูจะลดลง และบางปมก็คลี่คลายง่ายๆ แบบที่เหล่าตัวเอกไม่ต้องเหนื่อยสืบค้นอะไรแบบภาคแรก

ว่าง่ายๆ คือตอนต้นสนุกดีครับ แต่มาตอนหลังความลุ้นความระทึกมันลดลง การคลายปมก็ดูจะง่ายเกินจนไม่มีอะไรให้ลุ้น ต่างจากภาคแรกที่ตอนต้นๆ จะดูเรื่อยๆ แต่ยิ่งดูยิ่งมันส์ ยิ่งดูยิ่งอยากรู้ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น และมันจะไปจบลงตรงไหนกันแน่

หนังจบแบบทิ้งเชื้อรอให้ดูต่อภาค 3 ครับ ซึ่งผมก็พร้อมดูนั่นแหละ แต่ก็หวังว่ามันจะออกมาเข้มขึ้น มันส์ขึ้น เพราะจริงๆ ปมที่ทิ้งไว้มันเป็นเรื่องใหญ่ครับ มันคือเรื่องระดับประเทศเลยล่ะ ถ้าทีมเขียนบทเอาเรื่องพวกนี้มาเล่นแบบจริงจัง มันจะเป็นหนังแอ็กชันทริลเลอร์การเมืองที่เจ๋งมากเลยล่ะ

โดยรวมแล้วผมชอบภาคแรกมากกว่าครับ ในขณะที่ภาค 2 ก็ถือว่าทำได้ดีมาค่อนเรื่อง แต่มาอ่อนพลังไปหน่อยตอนท้าย (จริงๆ ผมว่าน่าจะสลับลำดับระหว่างฉากในอุโมงค์กับฉากไล่ล่า 5 คนร้ายในตอนท้ายนะ ประมาณว่าเอาฉากล่า 5 คนร้ายมาก่อน แล้วให้ฉากอุโมงค์เป็นไคลแม็กซ์ แบบนั้นอะไรๆ น่าจะโอเคกว่า และตอนจบมันจะได้กระตุ้นความอยากดูภาคต่อไปมากกว่า)
คะแนนความชอบ 6.5/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน