รีวิว Sing Street (2016) รักใครให้ร้องเพลงรัก (สปอยล์เต็มๆ)

รีวิว Sing Street (2016) รักใครให้ร้องเพลงรัก (สปอยล์เต็มๆ)

https://www.youtube.com/watch?v=C_YqJ_aimkM

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด

เอาล่ะครับ เพื่อความ Rock มันคงต้องสปอยล์กันหน่อย เอาเป็นว่าใครไม่อยากทราบขอให้ข้ามไปอย่าอ่านต่อครับ แต่หากใครไม่กลัว (เพราะผมเชื่อว่าหลายคนอ่านสปอยล์แล้วดูหนังอร่อยขึ้นก็มี… อย่างผมเป็นต้น) หรือดูแล้วก็ตามมาอ่านกันได้ตามอัธยาศัยเลยครับ

1) สิ่งที่ผมชอบมากๆ คือหนังเล่าพล็อตรองต่างๆ ได้ดีมาก ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัวที่กำลังแตกสลายของคอเนอร์, เรื่องพี่ชายของคอเนอร์, เรื่องความฝันจะไปลอนดอนของราฟิน่า, เรื่องการก่อร่างสร้างวง, เรื่องในโรงเรียน, เรื่องมิตรภาพ, เรื่องย่อยๆ เกี่ยวกับครอบครัวของแต่ละคนในวง ฯลฯ

แต่ละอันคือเรื่องปลีกย่อยครับ หนังใช้เวลาเล่าแต่ละพล็อตไม่นาน (เมื่อเทียบกับพล็อตใหญ่ที่ว่าด้วยการเติบโตและความรักของคอเนอร์) แต่ที่ว่าไม่นานนั้นหนังกลับสามารถเล่าได้อย่างตรงประเด็น แต่ละฉากที่ใส่ลงมานี่มันบรรยายแก่นหลักของแต่ละพล็อตได้แบบตรงๆ

ดังนั้นแม้จะใช้เวลาไปกับแต่ละพล็อตไม่เยอะ แต่เพราะมันตรงเป้า เพราะมันเล่าในสิ่งที่เราควรรู้ เลยทำให้ทุกๆ พล็อตรองเป็นที่จดจำในหัวเรา (และบางพล็อตเราก็จำถึงใจ) และพล็อตรองเหล่านั้นก็ช่วยเสริมความแน่น+ความ Real+ความ Rock ของเรื่องหลักได้อย่างน่าทึ่ง



คือเมื่อลองมานึกย้อนแล้ว ทุกส่วนมันเกี่ยวเนื่องกันน่ะครับ มันมีผลต่อการตัดสินใจของคอเนอร์ในตอนท้าย อย่างเรื่องครอบครัวของคนอื่นๆ ในวงมันอาจดูไม่เกี่ยวนะ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าครอบครัวทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์ ส่วนใหญ่จะแหว่งวิ่นไม่อบอุ่น ไหนจะเรื่องโรงเรียนหรือสิ่งที่พี่ของคอเนอร์ระบายอีก ทั้งหมดมันทำให้การตัดสินใจสุดท้ายของคอเนอร์เป็นอะไรที่ “มหันตพีค” เลยจริงๆ
ในอดีต (เมื่อนานมาแล้ว) ผมเคยคิดนะว่าการจะเล่าพล็อตอะไรให้มันดีนั้น เราต้องให้เวลามันเยอะสักหน่อย แต่พอมานั่งดูนั่งวิเคราะห์หนังที่มันระดับตำนานหลายๆ เรื่องก็จะพบว่าจริงๆ แล้วหลายพล็อตมันไม่ต้องเล่ายาวเลย บ้างพล็อตมีแค่ 5 นาทีตลอดเรื่อง แต่หากเล่าได้ตรงจุดมันก็ถึงอารมณ์ได้เหมือนกันและหนังเรื่องนี้ก็ทำสำเร็จครับ ^_^

2. ผมชอบพี่ของคอเนอร์มากๆ เป็นตัวละครที่เจ๋งนะ เขาเป็นพี่ที่ดีต่อน้อง เขาอาจไม่ใช่พี่ตัวอย่างที่ดีเลิศไปเสียหมด หลายจังหวะเขาใช้อารมณ์ เขาคุมตนเองไม่ได้ แต่โดยหลักแล้วเขาก็ยังรักและปรารถนาดีต่อน้องเสมอ

ตัวละครนี้ทำให้เรานึกถึงญาติ, เพื่อน หรือคนใกล้ตัวที่เรารู้จักมาตั้งแต่เด็ก มันจะมีน่ะครับคนที่ไม่ได้สมบูรณ์พร้อมแต่เราก็พึ่งพาได้ คนที่สอนหรือชี้แนะตั้งแต่เล็กจนโต คนที่มีลักษณะเช่นนี้อาจไม่ได้แสดงทีท่าว่ารักเราหรือห่วงเรามากมาย แต่เราก็รู้ได้ด้วยใจครับว่า “ถ้าไม่มีเขา ก็คงไม่มีเราในวันนี้”… ซึ้งนะ



3. หนึ่งในประเด็นที่ผมชอบในหนังเรื่องนี้ครับ นั่นคือ “คนเราเลือกที่จะเดินได้” อย่างตอนที่คอเนอร์มีเรื่องกับเด็กเกเรในโรงเรียน ตอนแรกเขาอาจจะโดนแกล้งอยู่นั่นแหละ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง เมื่อเขามีหลักยึด เมื่อเขามีความมั่นใจและมีความมั่นคงแล้ว เขาก็เลือกได้ว่าจะ “สร้างเรื่อง (มีเรื่อง)” หรือ “สร้างสรรค์”
อีกประเด็นคือ “คนเรามีค่าเสมอ” อย่างตัวเด็กเกเรนั่น เมื่อถึงจุดหนึ่งเราจะรู้ว่าเขาโดนคนที่บ้านสับโขก เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่ามาตลอดเลยทำตัวเกเร แต่พอเขามีที่ยืนในสังคม พอมีคนยอมรับเขา เขาก็พร้อมจะกลายเป็นใครสักคนที่มีประโยชน์ และพอเขาได้ทำอะไรที่มันมีประโยชน์ เขาก็จะมีเวลาในการเกเรลดลงทุกขณะเรื่องนี้ก็ชวนให้คิดเรื่องการสร้างความมั่นใจให้กับคนอยู่เหมือนกันนะครับ บางทีมันอาจไม่ต้องยึดหลักทฤษฎีที่วิจิตรพิสดารอะไรมากมาย แค่มีพื้นที่ให้เขายืน มีอะไรให้เขาทำ มีคนเคียงข้างเขา และเอาเขาจากจุดที่เต็มไปด้วยการตอกย้ำซ้ำเติม เท่านี้ก็เป็นการเริ่มต้นที่ประเสริฐมากแล้ว

4. เมื่อลองมาคิดดูดีๆ แล้วคอเนอร์ไม่ได้มีแผนอะไรเขาแค่คิดแล้วทำเลย พุ่งเข้าไปชนเลย ซึ่งบางครั้งชีวิตมันก็ต้องแบบนี้ล่ะครับ ของเพียงมีทิศทางให้ไป แล้วเราก็ลองไปมันดูซักตั้ง มีอะไรก็ไปแก้ไปลุยเอาดาบหน้า หากเราเดินหน้าแล้วมีปัญหาให้แก้ ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยหรือไม่ได้เริ่มทำสักที

เพราะปัญหาทำให้เราเติบโตได้เสมอ แต่หากเราไม่เจอปัญหาเลย เราก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรเท่าไร


5. ตอนจบเป็นอะไรที่พีคมากๆ ครับ เหมือนทุกองค์ประกอบในหนังมันบิ้วเราจนมาถึงจุดนี้ จุดที่คอเนอร์และราฟิน่าอยากออกไปผจญภัยทำตามฝัน มันจบแบบสะใจจริงๆ นะ และยิ่งจบแบบทิ้งให้คิดเองแบบนี้ยิ่งเจ๋งเข้าไปอีก

อันนี้เป็นเทคนิคชั้นดีของ Carney เลย มันทำให้เรารู้สึกว่าตัวละครยังคงดำเนินชีวิตของเขาอยู่ต่อไปที่ไหนสักแห่ง หรือเรียกได้ว่า “หนังจบ อารมณ์ไม่จบ” ยังไงยังงั้นเลยครับ

… สำหรับผม หนังเติมพลังให้เราก้าวต่อ สู้ต่อ พุ่งเรือฝ่าคลื่นต่อไป ไม่ว่าชีวิตจะขึ้นหรือลง ไม่ว่าโอกาสจะมาหรือผ่านไปแล้ว ไม่ว่าเรากำลังจะสูญเสียอะไรไปก็เถอะ แต่หากเรายังเดินต่อ มันก็จะยังคงมีทางให้เราก้าวต่อไปได้




คะแนนความชอบ 8/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน



ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

Similar Videos

รีวิว (ลงลึก) Midnight in Paris (2011) คืนบ่มรักที่ปารีส (ตอนที่ 2)

2653 0

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด บทรีวิวนี้มีการสปอยล์ครับ กรุณารับชมภาพยนตร์ก่อนอ่านครับ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว Irrational Man (2015) อิเรชันนัล แมน

2225 0

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ตามปกติลุง Woody Allen จะทำหนังออกมาให้เราได้ชมกันปีละครั้งครับ ส่วนเรื่องนี้ทำออกมาตั้งแต่ปี 2015 แต่เพิ่งมีการออกแผ่นมาให้ได้ยลกัน (ไปๆ มาๆ ได้ดูหลัง Café Society ที่ฉายปี 2016 อีกนะนั่น) ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว Peach Girl (2017) เธอสุดแสบที่แอบรัก

1944 0

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ผมไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งว่าจะเขียนสิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ดีไหม ยอมรับว่ากังวลเหมือนกันครับเวลาจะต้องเขียนความรู้สึกเฉยๆ หรือลบๆ ที่มีต่อหนังสักเรื่อง เพราะบอกตรงๆ ว่าไม่อยากให้สิ่งที่เราเขียนไปกระทบความรู้สึกของใครทั้งนั้น ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด