รีวิว Sword Master (2016) ดาบปราบเทวดา (ปลอดสปอยล์)

รีวิว Sword Master (2016) ดาบปราบเทวดา (ปลอดสปอยล์)


หนังที่ดัดแปลงจากนิยาย “ซาเสียวเอี้ย” ของมังกรโบราณโก้วเล้งที่ทำให้ผมสนใจพอสมควรด้วยภาพที่สวยประหนึ่งภาพวาด ตามด้วยลีลาบู๊แบบไม่หนัก Effect เท่าไร

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด

เรื่องของเจี่ยเฮียวฮง คุณชายสามผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขของบ้านกระบี่เทพเจ้าที่เบื่อหน่ายกับวงจรการฆ่าฟันของเหล่าชาวยุทธ์ ดังคำว่า “เมื่ออยู่ในยุทธภพแล้ว มิอาจเป็นตัวของตัวเองได้” เขาเลยแสร้งเป็นว่าตายและหลบลี้ไปใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดาในที่ห่างไกล

คนธรรมดาที่ว่านี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเดินดิน แต่เขาเลือกจะเป็นคนที่ไร้ตัวตนจนอาจถือได้ว่าต่ำตมกว่าผืนดิน เขากลายเป็น “อากิกที่ใช้ไม่ได้” ทำงานในหอนางโลมให้คนกดขี่ แล้วก็ทำงานที่ผู้คนต่างรังเกียจอย่างหาบถังอุจจาระ

แต่แล้วเขาก็หนีชะตาตนไม่พ้น เมื่อมือกระบี่อี้จับซาหมายจะหาตัวคุณชายสามมาเพื่อประลองฝีมือ อีกทั้งคนรักเก่าของคุณชายสามเองก็แปรผันเปลี่ยนจากรักกลายเป็นแค้น (เพราะเขาหนีจากนางไป ทั้งที่รับปากว่าจะแต่งงานด้วย) เลยทำให้เขาต้องเผชิญกับวงจรความรักความแค้นอีกครั้งในที่สุด

นี่อาจไม่ใช่หนังกำลังภายในที่ดีที่สุดน่ะนะครับ แต่ผมชอบแฮะ โดยส่วนตัวถือว่าเป็นหนังกำลังภายในที่ทำออกมาได้เข้าท่าที่สุดในรอบหลายปี อย่างแรกที่ชอบคือลีลาตวัดกระบี่ที่ไม่ได้เน้น Effect จนเว่อร์ คือมันก็มีการใช้ CG อยู่ล่ะครับ แต่เป็นการใช้เพื่อเสริมลีลาเพลงยุทธให้พลิ้วไหว ไม่ได้ทำออกมาแบบซัดพลังแสงใส่กัน หรือ CG กันจนหลุดกลายเป็นหนังแฟนตาซี

สิ่งที่ชอบอย่างที่สองคือภาพครับ ภาพสวยจริง งดงามประดุจดังภาพวาด ซึ่งผมมองว่ามันเป็นการเรโทรอย่างหนึ่งนะ มันทำให้นึกถึงหนัง Shaw Brothers สมัยก่อนน่ะครับ ที่มักจะมีฉากหลังเป็นภาพวาด แต่ไม่ได้วาดแบบส่งๆ แบบที่หนังทีวียุค 80 – 90 ทำนะ ทว่าจะเป็นการวาดที่มีศิลปะ แม้จะดูออกว่าไม่ใช่ของจริง แต่มันก็เข้ากับเรื่องราวและเสริมอารมณ์ให้กับฉากนั้นๆ ได้อย่างพอดี

กับเรื่องนี้ก็ประมาณนั้นครับ ฉากสวย สีสันกำลังดี คือถ้าให้ว่าตามจริงแล้ว หนังเรื่องนี้ CG ทั้งเรื่องนะ ถ้าไม่ CG ฉากบู๊ก็ CG ฉากหลัง แต่มันเป็นการเอา CG มารับใช้หนัง ไม่ใช่เอาหนังไปยัด CG จนกระบวนหนังเสียไป หรือเนื้อเรื่องหลุดจากทิศทางไป

ส่วนหนึ่งที่ผมชอบก็คงเพราะหนังจีนระยะหลังๆ มักจะเน้น CG จนเยอะเกินครับ บางเรื่องเยอะจนเลอะไปเลยก็มี เลยทำให้พอเจอหนังที่ใช้ CG แบบกำลังดี ชูรสหนังให้สนุกแต่ไม่เยอะจนบดบังอะไรต่อมิอะไรในหนัง มันเลยเป็นอะไรที่โดนใจไม่น้อย (ว่าง่ายๆ คือรออะไรแบบนี้มานานน่ะครับ และถ้ามีแบบนี้อีกจะยิ่งดีใจมากๆ เลย)

ในแง่เนื้อหาก็อาจไม่ได้ซับซ้อนครับ แต่ก็เล่าเรื่องแบบกำลังเหมาะ ดูจบแล้วพอเข้าใจว่าใครทำอะไรลงไปด้วยเหตุผลอะไร มันก็คือบุญคุณความแค้นแบบคลาสสิกของหนังกำลังภายในนั่นแหละ แต่พอเอาเนื้อเรื่องมาบวกกับ CG ภาพสวยๆ แบบพอดีๆ แบบนี้แล้ว มันก็ได้รสชาติที่อร่อยไปอีกแบบเหมือนกัน

ผมชอบสาระในหนังนะ มีอะไรให้หยิบไปคิดเรื่อยๆ อย่างเหตุผลที่ทำให้คุณชายสามออกจากยุทธภพมันก็ชัดเจนดี ถ้าให้พูดเป็บภาษาชาวบ้านคืออยู่แล้วเครียด เพราะชีวิตชาวยุทธแบบที่เขาต้องอยู่นั้น มันตึงโคตรๆ ตึงจนถึงขนาด “กระทั่งลมหายใจ ก็มิใช่ของตัวเอง” ด้วยซ้ำ… แล้วแบบนี้ใครจะอยากถือกระบี่ต่อไปเล่า?

ฉากที่เผยให้เห็นถึงเหตุการณ์ที่ทำให้คุณชายสามทนไม่ไหวกับวงจรความแค้นในยุทธภพนั้นทำออกมาได้ดีครับ อาจไม่ถึงกับบีบใจสุดๆ แต่ก็ถือว่าบีบได้ในระดับหนึ่ง จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นเราแล้ว เราจะกดดันขนาดไหน เราจะตัดสินใจทำตามคำสั่ง หรือ จะตะโกนดังๆ ว่า “พอกันที”

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในชีวิตจริงของคนเราทุกวันนี้ เราก็เจอสถานการณ์ที่เราต้องตัดสินใจหรือเจออะไรที่มันบีบคั้นอยู่เป็นระยะครับ เหมือนกับที่หลายๆ คนบอกว่าสังคมทุกวันนี้อยู่ยาก บางคนเป็นตัวของตัวเองจนไม่สนใคร แต่บางคนก็ต้องกดความเป็นตัวเองไว้จนแทบระเบิด… สังคมบ้านเราทุกวันนี้มันก็ยุทธภพดีๆ นี่เอง
(ยังไม่จบครับ พรุ่งนี้มาต่อกันครับ)
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน

ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

Similar Videos

รีวิว The Theory of Everything (2014) ทฤษฎีรักนิรันดร

2287 0

ออสการ์ที่ผ่านมาผมก็ลุ้นให้ Eddie Redmayne ได้ออสการ์นำชาย พอๆ กับที่ผมลุ้นให้ J.K. Simmons ได้ออสการ์สมทบชายนั่นแหละครับ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด The Theory of Everything ถือเป็นหนังดราม่า+โรมานซ์+ชีวประวัติที่ทำออกมาได้สวยงามครับ ไม่ว่าจะด้านภาพ ด้านเรื่องราว และแง่คิดที่หยิบมาจากชีวิตจริงของคนจริงๆ ที่ต้องเผชิญอะไรมากมายจากโรคร้ายที่รุมเร้าร่างกาย ***เอาล่ะครับ เดี๋ยวด้านล่างนี่มีสปอยล์แน่นอน ดังนั้นถ้าไม่อยากทราบข้ามไปได้เลยนะครับ เอาเป็นว่าหนังเรื่องนี้ดีน่าดูครับผม 1. Redmayne สุดยอดจริงๆ ครับ ข้อดีที่น่าจดจำของเขาไม่ได้แค่ว่าเขาหน้าคล้ายสตีเฟน ฮอว์คิงเท่านั้น แต่มันคือการแสดงที่ถ่ายทอดอาการกล้ามเนื้อเป็นอัมพาตทีละส่วนได้อย่างสมจริงสุดๆ หลายฉากทำเอาขนลุกครับ เพราะเหมือนจริงมากจนรู้สึกสงสารและบ่อน้ำตาตื้นขึ้นมาจับใจ (ฉากที่น้ำตาเริ่มมาก็คือ “เจนถือกระดานตัวอักษร” น่ะครับ กรีดแทงใจมากๆ)

รีวิว Good Kids (2016) เรียบจบแล้ว ขอเป็นตัวเองสักครั้ง (สปอยล์เต็มๆ)

1635 0

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด สาระจริงๆ ก็มีแบบจางๆ ครับ บางฉากก็มาแบบไม่ตั้งตัว อย่างฉากที่เพื่อนคนหนึ่งที่แอนดี้เคยคิดว่าน่าจะไม่ต้อนรับเขา ประมาณว่าแอนดี้กับเพื่อนอีก 3 คนเป็นเหมือนเด็กเรียน เลยเหมือนๆ จะไม่ถูกกับเด็กคนอื่นๆ ที่เน้นสนุกกับชีวิตมากกว่า แต่ไปๆ มาๆ เพื่อนคนนั้นกลับบอกว่า “ไม่ใช่ไม่มีใครคบพวกนายนะ แต่พวกนายนั่นแหละแยกตัวเองออกไป” ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว After the Storm (2016) รักได้มั้ย พ่อคนนี้ (ตอนที่ 1)

2324 0

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด นั่งคิดนิยามหนังเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง จะบอกว่ามัน Feel Good ก็ไม่ใช่แต่ครั้นจะเรียกว่า Feel Real มันก็ไม่เชิง เพราะหนังจัดว่าอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 แบบที่ว่านั้นครับ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด