ปกติผมจะไม่ค่อยตื่นเต้นกับหนังที่ทำเงินถล่มทลายในประเทศจีนน่ะนะครับ เพราะหลายเรื่องโกยเงินเยอะ แต่ไม่ถูกจริตกับผมจริงๆ โดยเฉพาะสารพัดหนังแฟนตาซีและหนังตลกยุคหลังๆ… แต่กับเรื่องนี้ ผมยกให้เลยครับ

เช่นเดียวกับ Wolf Warrior ภาคแรกที่ผมดูแล้วก็ว่ามันส์ดี แต่ก็ไม่ได้ติดใจหรือชอบอะไรขนาดนั้น ก็เลยทำให้ผมไม่คาดหวังอะไรมากตอนมีข่าวว่าจะมีหนังภาค 2 ออกมา แล้วก็เผื่อใจไว้ว่าผมอาจไม่ได้ชอบอะไรมากอีกเช่นเดิม… แต่กับเรื่องนี้ ผมยกให้เลยจริงๆ

หนังอย่างมันส์ครับ ถ้าถามว่าโดนใจตรงไหน อย่างแรกเลยสำหรับคนชอบหนังแอ็กชันสมัยเก่าอย่างผม ที่ชอบฉากเล่นจริงเจ็บจริง ถล่มจริง ระเบิดจริง รถชนกำแพงจริง อาคารถล่มจริง มันต้องเรื่องเลยครับ เพราะส่วนใหญ่ของจริง จะมี CG บ้างแต่ก็ไม่เยอะ

และหนังก็กระหน่ำฉากบู๊มาได้เรื่อยๆ ครับ มาตั้งแต่ซีนแรก แล้วก็มาเรื่อยๆ ไปจนหนังจบ จนผมบอกเลยว่าไม่ได้ดูหนังแอ็กชันที่บู๊กันเยอะ ถล่มกันแยะขนาดนี้มานานแล้ว นี่คือเมื่อเทียบอัตราส่วนระหว่างฉากแอ็กชันกับความยาวของหนังน่ะครับ ถือว่าอัตราส่วนฉากแอ็กชันมีเยอะอยู่

กระนั้นก็ยังมีสิ่งที่ติดอยู่บ้าง เช่น การเก็บภาพคิวบู๊ที่อาจจะไม่ค่อยเน้นมุมกว้าง (ทำให้บางภาพก็ไม่เต็มอารมณ์) และบางจังหวะก็จับภาพแคบไปจนดูรายละเอียดการบู๊ไม่ทัน แต่ก็เป็นเรื่องเล็กๆ ครับ เพราะโดยรวมหนังประเคนฉากถล่มฉากสู้กันมาแบบเรื่อยๆ ทีเดียว

แต่ที่คาดไม่ถึงคือช่องว่างระหว่างฉากแอ็กชันแต่ละฉาก แน่นอนว่าก็จะมีส่วนของเนื้อหาหรืออาจจะเป็นดราม่าแทรกลงมาระหว่างทาง ปกติฉากพวกนี้อาจเป็นวาระชวนง่วงสำหรับใครหลายคน แต่กับหนังเรื่องนี้แล้ว มันไม่ชวนง่วงอย่างที่คิดครับ

โอเค มันอาจไม่ได้มีฉากดราม่าเข้มๆ แต่มันมาพร้อมฉากกระแทกใจครับ เช่น ฉากผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม, ชาวบ้านโดนนายทุนกดขี่ข่มเหง, ฉากผู้ร้ายระเริงในอำนาจ ทำตัวเหมือนบ้านเมืองไร้ขื่อแป

ฉากพวกนี้บอกตรงๆ คือดูแล้วมันขึ้นครับ มันสร้างความกดดันและสร้างความอินให้กับคนดูได้แบบเต็มๆ เพราะเรื่องแบบนี้มันมีจริง มันเกิดขึ้นจริง แม้แต่นาทีที่ผมเขียนและนาทีที่ท่านอ่านก็ตาม เชื่อไหมครับต้องมีคนกำลังโดนกดขี่ หรืออาจจะกำลังโดนฆ่าอยู่ที่ไหนสักแห่งในโลก

แต่พวกเขาปกป้องตัวเองไม่ได้ ในขณะที่พวกผู้ร้ายก็ไม่สนกติกาครับ ถ้าอยากยิงท่านก็ยิงเลย เขาไม่สนหรอกว่าท่านมีครอบครัว มีลูก หรือต้องดูแลใคร พวกนั้นพร้อมฆ่าท่านเพื่อบรรลุเป้าหมาย มันคือวาระที่กฎ กติกา หรือกฎหมายที่สังคมตั้งไว้ร่วมกันมิอาจปกป้องชีวิตท่านได้เลย

นี่คือธีมหลักที่หนังเอามาเล่นตลอด และมันเร้าให้เราบังเกิดความรู้สึกเลือดพล่าน พร้อมด้วยหัวใจนักสู้ และในแง่หนึ่งมันคือสิ่งแทนความรู้สึกของ เหล่งเฝิง (อู๋จิง) ตัวเอกของเรื่องที่ตัดสินใจบู๊เพื่อปกป้องชีวิตคน เพื่อหยุดเรื่องโหดร้ายต่างๆ

ดังนั้นหนังเลยครบเครื่องครับ บู๊มันสะใจ ยิ่งใหญ่ในแบบที่คอหนังบู๊สไตล์นี้ไมไ่ด้เจอมานาน เพราะส่วนมากเน้น CG ที่ต่อให้เนี๊ยบแค่ไหน แต่เราก็แยกออกน่ะครับว่าอันไหน CG อันไหนของจริง

โดยรวมแล้วนี่จึงเป็นหนังมันส์ที่ทำได้สะใจดีครับ มันบีบคั้นปั้นอารมณ์ของเราให้พุ่งไปในทิศทางที่หนังต้องการได้ (แต่หากใครไม่ชอบความรุนแรงก็อาจมองหนังเรื่องนี้อีกแบบหนึ่ง ก็คือนานาจิตตังครับ)

สรุปว่าเรื่องนี้ บู๊มันส์ และหนังก็กำกับโดยอู๋จิงเองด้วยครับ ก็ถือว่าพี่แกทำได้ดีเลยล่ะ และตอนท้ายที่เอารถถังไล่ล่ากันไม่รู้ใครเป็นเหมือนผมไหม แต่ผมนึกถึงเกม Battle City ที่เราเล่นกันสมัยเด็กๆ น่ะครับ ที่รถถังคันเดียวต้องไล่ยิงรถถังอื่นๆ ก่อนที่รถถังพวกนั้นจะมาถล่มบังเกอร์ของเรา ผมว่าใช่เลยล่ะ 555
คะแนนความชอบ 7/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน