เมื่อดูหนังเรื่องนี้แล้ว ตระหนักได้ถึงคำว่า “ทุกอย่างมีช่วงเวลาของมัน”

The Ring คือหนังสยองขวัญที่คนรุ่นผมยังจดจำได้ว่ามันมาพร้อมความแปลกใหม่ขนาดไหน เริ่มจากกระแสวงเล็ก (สมัยยังไม่ออกม้วนลิขสิทธิ์ก็ต้องไปควานหาเอา ผมนั้นได้จากร้านเฟมครับ) แล้วก็ค่อยๆ ขยายวงจนใหญ่โต จนกลายเป็นหนังสยองในตำนานที่คอหนังผีสางต้องหาโอกาสชมให้ได้สักครั้งในชีวิต

ตัวหนังดัง นิยายก็ดัง ครั้นพอไปรีเมคเป็นหนังฮอลลีวู้ดก็ดังทำเงินเป็นร้อยล้าน(และถือเป็นหนังสร้างชื่อให้ผู้กำกับ Gore Verbinski ด้วย) ซึ่งนั่นแหละครับคือช่วงเวลาที่สปอตไลท์ทั้งหลายฉายส่องไปที่ The Ring แล้วก็มีหนังสยองที่เดินตามรอยเรื่องราวสไตล์นี้ออกมาอีกเพียบ

แต่กระแสของ The Ring ก็เหมือนทุกสิ่งน่ะครับ มีขึ้นก็ย่อมมีลง มีดังก็ย่อมมีเงียบ ทุกวันนี้ The Ring กระแสซาลงไปมาก จนแทบจะเหลือเพียงตำนานแล้วครับ ซึ่งก็ยอมรับว่าผมประหลาดใจเหมือนกันที่ฮอลลีวู้ดยังอุตส่าห์ทำภาคต่อกันออกมาอีก

เนื้อเรื่องก็ประมาณเดิมเลยครับ วีดีโอมรณะในตำนานที่ใครดูเข้าก็ต้องตายใน 7 วัน ซึ่งผีร้ายในนั้นก็คือ ซามาร่าเจ้าเก่า จากนั้นพระเอก (Alex Roe) กับ นางเอก (Matilda Lutz) ก็ต้องหาทางไชปริศนาและล้างคำสาปให้ทัน ก่อนที่พวกเขาจะต้องเป็นเหยื่อรายต่อไปของคำสาป

ว่าแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะครับ ดูแล้วออกแนวเฉยครับ โอเค ไม่ปฏิเสธว่าหนังพยายามทำให้มันดูน่ากลัว และบางมุกก็ดูเจ๋งดี อย่างตอนที่ เกเบรีัยล (Johnny Galecki) ไปยืนตรงกระจกขณะฝนกำลังตก แล้วสายน้ำฝนดันไหลย้อนขึ้นฟ้าน่ะครับ เป็นอะไรที่ไม่เลวอยู่

แต่ไอเดียใหม่ๆ ก็ไม่ได้เยอะอะไรครับ จะมีก็แค่งานภาพสมัยใหม่เล็กน้อย แล้วก็ลีลาคลานออกจากจอของซามาร่าที่มีหลายลีลามากขึ้น แต่ตัวเนื้อหาหลักมันก็เข้าอีหรอบเดิมเป๊ะเลยครับ เหล่าตัวเอกต้องหาทางแก้คำสาป ต้องไปสืบค้นที่มาของซามาร่ากันอีก มันคือสูตรเดิมแบบเต็มๆ เลย

ภาคนี้ก็พยายามจะผูกเรื่องราวใหม่ๆ ของซามาร่าใส่ลงไปอีก แต่ผมยอมรับเลยว่าระหว่างดูมันไม่ได้อยากติดตามอะไรอีกแล้ว เพราะในใจผมมันรู้สึกว่า “พี่จะแถไปทางไหนอีกหรือครับ” คือก็เข้าใจน่ะครับว่ามันต้องแถไม่งั้นมีภาคต่อไม่ได้ แต่อีกใจก็อยากจะบอกว่า ให้มันจบที่ภาค 2 ไปก็น่าจะพอแล้วนะ ไม่ต้องมาต่อความยาวสาวความยืดอีกแล้ว ให้ซามาร่าเธอไปดีได้แล้ว หยุดปลุกผีเจ๊แกซะที

แต่พอมาดูรายได้แล้วก็พบว่าหนังไม่ขาดทุนนะครับ ลงทุนไป $27 ล้าน แต่ได้มา $83 ล้านจากทั่วโลก ถือว่ากำไรเลยล่ะครับ แต่ก็แน่นอนว่าทำเงินห่างจากภาคแรก ($249 ล้าน) และภาค 2 ($161 ล้าน) เยอะอยู่เหมือนกัน… แต่ถ้ายังฝืนทำต่อไป สภาพของหนังคงไม่ต่างจากศุกร์ 13 น่ะครับ

นี่แหละครับ ยุคสมัยมันผ่านพ้นไปแล้ว คำสาป อาถรรพ์มันไม่ใช่ของสดใหม่อีกต่อไปแล้ว แต่กระนั้นจริงๆ แม้ยุคจะผ่านไปแต่หากคนทำยังพยายามจะใส่อะไรใหม่ๆ ลงไปแบบตรงเป้า มันก็อาจจะต่อชีวิตหรือไม่ก็ชุบชีวิตให้หนังชุดนี้ (หรือชุดอื่นๆ ก็ตาม) ได้เหมือนกันครับ… แต่ไม่ใช่กับหนนี้

แม้นี่จะเป็นหนังสยอง แต่ผมแอบขำตอนเห็น Galecki โผล่มาน่ะครับ ทำไงได้ ก็ติดภาพพี่แกจาก The Big Bang Theory ไปแล้วน่ะ แต่หากมองในแง่การแสดงแล้ว พี่เขาก็ทำหน้าที่ได้ดีนั่นแหละ ในขณะที่พระ-นางของเรื่องก็เล่นได้โอเคตามมาตรฐานของคู่รักหนังสยองครับ

แง่ดีประการหนึ่งของการดูหนังเรื่องนี้ คือมันทำให้ The Ring ภาคต้นฉบับและภาครีเมคของฮอลลีวู้ด (ภาคแรก) ดูเป็นอะไรที่ขลังมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ ทำให้อยากไปเอาภาคแรกกลับมาดูใหม่เลยครับ เพราะระหว่างดูก็นึกถึงหลายๆ ภาพและหลายๆ ฉากจากภาคแรก มันดูมีอะไรมากกว่าภาคนี้ ทั้งที่หลายๆ อย่างจัดว่าคล้ายกันอยู่ในที (อาทิการจัดแสงในห้องต่างๆ ที่เจตนาให้ดูมืดอย่างเห็นได้ชัด – แต่เอาเข้าจริงภาคแรกมันไม่ใช่แค่มืด แต่มันมีโทนซีดๆ ประหนึ่ง “ขึ้นอืดอยู่ในน้ำ” แจมเข้ามาแทบทุกฉาก)

แม้ตอนจบหนังจะทำเหมือนเปิดประเด็นไปสู่ภาคต่อ แต่ก็เชื่อว่าหนังน่าจะยุติที่ภาคนี้ล่ะครับ เพราะความนิยมมันลดลงแล้ว (และจะว่าไปมุกที่ใช้ในตอนจบ มันก็ซ้ำทางกับหนังผีญี่ปุ่นหลายๆ เรื่องด้วย)… แต่ของแบบนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ นะเนี่ย
คะแนนความชอบ 5/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน