รีวิว The Choice (2016) ถ้าเลือกได้ คือรักเธอ

รีวิว The Choice (2016) ถ้าเลือกได้ คือรักเธอ

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด

ตอนดูหนังที่ดัดแปลงจากนิยายของ Nicholas Sparks เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1999 เรื่อง Message in a Bottle จำได้ว่าเรื่องนั้นดูแล้วก็เรื่อยๆ ยังไม่ถึงกับชอบอะไร… เผลอแป๊บเดียวก็จะ 20 ปีแล้วนะครับ

ผมมาเริ่มโดนของตอนดู A Walk to Remember น่ะครับ ก่อนจะมาโดนแบบจังเบอร์ใน The Notebook แล้วจากนั้นก็ติดตามผลงานของ Sparks เรื่อยมาทั้งนิยายและหนังที่ดัดแปลงจากงานของพี่แก ซึ่งผมก็ยกตำแหน่งเจ้าพ่อโรแมนติกยุคใหม่ให้พี่เขาไปเลย

ว่ากันแบบตรงๆ พล็อตของพี่เขาอาจดูเป็นแนว “น้ำเน่าเดาง่าย” สำหรับใครหลายคน ซึ่งมันก็จริงน่ะนะครับ แต่ขณะเดียวกันองค์ประกอบหลายอย่างมันก็ยังดูดี ไม่ได้เน่าแบบเลอะเทอะจนหาแก่นสารไม่ได้ และที่สำคัญคือถ้าถามว่ามันโรแมนติกไหม? ผมว่ามันก็โรแมนติกนะ ดูแล้วก็ซึ้งกินใจดี

กับเรื่องนี้ก็เข้าสูตรหนังรักน่ะครับ เรื่องของ ทราวิส (Benjamin Walker) พ่อพวงมาลัยที่โปรยเสน่ห์ไปเรื่อยจนดูเป็นคนไม่จริงจังในสายตาใครๆ กับแก๊บบี้ (Teresa Palmer) นักเรียนแพทย์สาวที่เผอิญมาพักอยู่บ้านใกล้กันพอดี


ตอนแรกพวกเขาก็เขม่นกันตามสูตรล่ะครับ แต่พอเวลาผ่านไปก็มีเหตุให้พวกเขาได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นจนความรักก่อตัวขึ้น ทว่ารักแท้ย่อมมีอุปสรรคเสมอครับ ทำให้เขาและเธอต้องเจอบททดสอบว่าพวกเขาจะได้คู่กันในท้ายที่สุดหรือไม่

หนังอาจไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่า The Notebook หรือ A Walk to Remember ครับ แต่ก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มดูเพลิน ได้ความหวานโรแมนติก สนุกไปกับเนื้อหาที่ไม่หนักจนเกินไป และมีวาระชวนให้เรายิ้ม+ซึ้งอยู่เป็นพักๆ

หนังที่ดัดแปลงจากงานของ Sparks ทุกเรื่องมักมีองค์ประกอบดีๆ ที่ไว้ใจได้อยาง “โลเกชั่น” ครับ ทุกเรื่องจะมาพร้อมวิวสวยๆ ที่มีป่าไม้ ชายน้ำ ฟ้ากว้าง ดวงอาทิตย์สีทองเป็นประกาย หรือจันทร์กลมโตแกล้มแสงดาว เรียกว่าเป็นอะไรที่คาดหวังได้เลยล่ะครับ

ตามด้วยเหตุที่มักเกิดในเมืองเล็กๆ แต่น่าอยู่ องค์ประกอบของเมืองมันจะเสริมอารมณ์โรแมนติกและน่ารักของหนังได้เสมอ อย่างบ้านของพระเอกนางเอกก็ต้องดูสวยเสมอ… ขนาดเรื่องไหนพระเอกจน อยู่ในบ้านไม้เก่าๆ บ้านหลังที่ว่ายังออกมาสวยเลยครับ หรือกระทั่งร้านขายของ/ร้านอาหารที่พระเอกนางเอกแวะไป ก็ต้องดูดีและมีกลิ่นอายโรแมนซ์เสมอ


สิ่งสำคัญอีกอย่างที่จะทำให้หนังออกมาดีหรือไม่ก็คือพระ-นางครับ หากเลือกเหมาะก็ได้ใจคนดูไปกว่าครึ่ง และกับเรื่องนี้ก็ถือว่าเลือกได้เหมาะในระดับหนึ่งครับ อาจไม่เหมาะสุดๆ แต่ก็ถือว่าอยู่ในข่ายเหมาะ อย่าง Walker ก็ดูมีเสน่ห์ในแบบของเขา ดูเป็นส่วนผสมระหว่าง Eric Bana และ Liam Neeson

ในขณะที่ Palmer นี่ฉายเสน่ห์มาหลายเรื่องจนผมไม่มีข้อกังขาแล้วครับ แล้วหนังยังมีดาราสาวอีก 2 คนที่ผมตามปลื้มมานาน ได้แก่ Maggie Grace และ Alexandra Daddario ที่แม้จะบทไม่เยอะ แต่ก็มาพร้อมวาระที่น่าจดจำครับ สมทบด้วย Tom Wilkinson ในบทพ่อของทราวิสที่เล่นได้ดีเสมอ (และหน้าเขากับ Walker ยังคล้ายกัน สมเป็นพ่อลูกกันอีกด้วย) และ Tom Welling อดีตคลาร์ก เคนท์แห่ง Smallville (ที่ดูสมบูรณ์ขึ้นเยอะ) มารับบทคู่หมั้นของแก๊บบี้

โดยรวมแล้วผมชอบครับ ดูแล้วมีความสุข และคงหยิบมาดูอีกเหมือนหนังของ Sparks หลายๆ เรื่องทีผมชอบเอามาดูยามว่าง ถ้าถามว่าชอบเพราะอะไรก็ตอบได้ว่า วิวสวยครับ บรรยากาศดีเหมือนได้ไปเที่ยวชานเมืองหรือป่าที่ร่มรื่น ต่อด้วยเรื่องราวที่แม้จะเดาได้แต่ก็อบอุ่น กินใจ และให้พลัง+แง่คิดบางอย่างติดหัวกลับมาเสมอ ซึ่งผมมองว่าหนังของ Sparks จะให้อารมณ์ Feel Good ได้เสมอ ไม่ว่าเรื่องราวจะจบลงแบบ Happy หรือ Sad ก็ตาม

อีกอย่างที่ชอบคือ บางครั้งในหนังรักทั่วไปมักจะมีตัวเอกที่ขาด (มีติเดียวเกินไป) หรือเกิน (เล่นจนล้นเกิน) แต่กับงานของ Sparks หนังจะชวนเราให้ค่อยๆ ทำความรู้จักกับพระนางทีละน้อย รู้จักไปทีละมุม ซึ่งตัวละครส่วนใหญ่ก็จะมีความอบอุ่นบางอย่างทำให้เรารู้สึกดีกับพวกเขา และหนังจะค่อยๆ เล่าให้เราเข้าใจว่า “เพราะอะไรพวกเขาถึงควรคู่กัน” ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของเขาก็ว่าได้ครับ


เรื่องของ Sparks มันเป็นความรักที่ก่อตัวแบบ”สะสมทรัพย์” น่ะครับ ชอบตอนนั้นนิด รักตอนนี้หน่อย อาจมีจุดเกลียดกันบ้างในบางช่วง แต่สุดท้ายพอมีจุดที่ชอบมากกว่าเกลียด ความรู้สึกดีๆ ก็จะทำหน้าที่ของมันต่อเอง ที่เหลือก็แค่พวกเขาจะยอมรับและเปิดใจให้กันไหม ก็แค่นั้น

นี่คือเสน่ห์ของหนังที่สร้างจากหนังสือของ Sparks ครับ แน่นอนว่าหากอยากได้อรรถรสเต็มๆ ก็คงอ่านนิยายน่ะนะครับ ส่วนผมนั้น ผมชอบนิยาย และชอบดูหนังด้วย แม้จะไม่ถึงกับชอบทุกเรื่องที่สร้างจากงานของเขา แต่สำหรับเรื่องนี้ ผมอยู่ในข่ายชอบครับ (ต้องบอกว่า 4 เรื่องหลังตั้งแต่ Safe Haven เป็นต้นมานี่ผมชอบหมดเลยครับ)

สำหรับคอหนังรัก อยากให้ลองชมกันครับ ก็ไม่รู้ว่าจะมีการทำออกมาอีกเมื่อไร เพราะล่าสุด Sparks ปิดบริษัทที่เกี่ยวกับการสร้างหนังไปแล้วครับ เพราะมันไม่ทำเงินเท่าไร… ตอนนี้ถ้าพูดถึงหนังรักสไตล์นี้ นอกจาก Hallmark แล้ว ก็มีของ Sparks นี่แหละครับ
คะแนนความชอบ 7/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน

ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

Similar Videos

รีวิว Olympus Has Fallen (2013) ผ่าวิกฤติวินาศกรรมทำเนียบขาว

2346 1

ก่อนภาค 2 จะมาในปีนี้ ขอรีวิวภาคแรกอุ่นเครื่องก่อนครับ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด นี่คือ “หนังประสานงาประจำปี” ที่เอาทำเนียบขาวมาถล่มเล่น ผมนั้นดู White House Down ก่อน ก็รู้สึกว่าหนังดูได้เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ติดใจเป็นพิเศษ โดยที่ Olympus นี่ดูทีหลัง แต่ก่อนดูก็แอบคิดในใจว่าเรื่องนี้คงสนุกกว่า เพราะอย่างน้อยดาราก็ไว้ใจได้ โทนก็ดูน่าจะสมจริง ปรากฏว่าดูเสร็จ สรุปได้ว่า “ดูได้เรื่อยๆ พอๆ กัน ไม่รู้สึกว่าเรื่องไหนเข้าเป้าเข้าวิน” WHD และ OHF นั้นจัดว่ามีดีคนละอย่างและด้อยกันคนละส่วนครับ WHD นั้นดูสนุกในฐานะหนังแอ็กชัน เอาสะใจเอามันส์ มีอารมณ์ขันเยอะ ความสมจริงไม่เน้น

รีวิว Sword Master (2016) ดาบปราบเทวดา (ปลอดสปอยล์)

2612 0

หนังที่ดัดแปลงจากนิยาย “ซาเสียวเอี้ย” ของมังกรโบราณโก้วเล้งที่ทำให้ผมสนใจพอสมควรด้วยภาพที่สวยประหนึ่งภาพวาด ตามด้วยลีลาบู๊แบบไม่หนัก Effect เท่าไร ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว Wyrmwood: Road of the Dead (2014)

1676 0

หนังเรื่องนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นการเอา Mad Max มาเจอกับ Dawn of the Dead ครับ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด Wyrmwood เป็นหนังสัญชาติออสเตรเลียครับ ว่าด้วยการระบาดของเชื้อนรกที่ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ ตัวเอกคือแบร์รี่ (Jay Gallagher) ช่างเครื่องมือดีและมีภรรยากับลูกน้อยที่แสนน่ารัก แต่แล้วชีวิตแสนสุขก็มีอันต้องพังทลายเพราะเชื้อซอมบี้นี่แหละครับ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด