รีวิว Bridget Jones’s Baby (2016) บริดเจ็ท โจนส์ เบบี้ (ตอนที่ 1)

https://www.youtube.com/watch?v=zQkOY5H5d2g
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
ปี 2016 นี่คงกลายเป็นอีกปีแห่งความทรงจำของผมเลยครับ อย่างที่ผมเคยตั้งชื่อไว้ว่าเป็น “ปีแห่งหนังภาคต่อข้ามทศวรรษ” เพราะเราได้เจอหนังภาคต่อที่สร้างห่างจากภาคที่แล้วเกิน 10 ปี เจอเยอะที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เยอะจนผมเองยังอดคิดไม่ได้ครับว่าคนทำหนังนึกยังไงถึงมาพร้อมใจกันทำหนังภาคต่อในลักษณะนี้ ไหนจะสตูดิโอที่ไฟเขียวให้ทำอีก มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญน่ะครับ
แน่นอนครับว่าเรื่องเงินก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ประมาณว่าทำหนังภาคต่อแบบนี้ยังไงก็คงมีแฟนๆ รอชม มันประกันความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง หรืออย่างน้อยต่อให้ไม่ทำเงินอะไรมากตอนเข้าโรง แต่ตอนออกแผ่นก็น่าจะมีคนตามเก็บให้ครบชุด
ยิ่งสมัยนี้ดูออนไลน์ดูผ่านเคเบิล การขายสิทธิ์ฉายก็ทำเงินได้อีกทางหนึ่ง นี่ยังไม่รวมการเอามาทำเป็น Box Set ขายในรูปแบบต่างๆ อีกนะ (เพราะจะว่าไปแล้วหนังที่มีภาคต่อมาทำเป็น Box มันดึงดูดผู้ชมได้มากกว่าหนังเดี่ยวๆ)
นั่นคือมองในแง่ธุรกิจครับ ทีนี้ถ้ามองในแง่ของคนทำหนังและคนรักหนังแล้ว ยอมรับเลยว่าหลายปีที่ผ่านมาผมย้อนคิดถึงหนังเก่าๆ โดยเฉพาะหนังยุค 1990 – 2000 ที่เราโตมากับมัน ผมรู้สึกได้ว่าหนังยุคนั้นมันมีอะไรชวนให้จดจำ มันถูกเส้นถูกจริตของคนยุคเรา และเอาเข้าจริงแล้วหนังยุคใหม่ทุกวันนี้คือคือหนังที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากฐานเดิมๆ ของหนังยุคนั้นนั่นแหละ
โอเคครับ หนังเหล่านั้นอาจไม่ได้สมบูรณ์หรือยอดเยี่ยม มันอาจมีจุดโหว่หรือความไม่สมเหตุผลเลยด้วยซ้ำ แต่มันมีเนื้อเรื่องดีๆ มีสตอรี่กินใจ Touch ความรู้สึก หรือไม่ก็ตอบโจทย์บางสิ่งในใจส่วนลึกของเรา จนหลายครั้งทีเดียวที่เรารู้สึกเหมือนถูกโอบกอดเบาๆ ระหว่างดูหนังเหล่านั้น
และผมเชื่อว่า Bridget Jones’s Diary คือหนึ่งในหนังที่ทำให้ใครหลายๆ คนรู้สึกแบบที่ผมบอกไปน่ะครับ ว่าง่ายๆ คือหนังโดนใจคนเหงา คนโสด หรือคนที่ไม่ได้หล่อสวยอะไร ทว่าในใจเพรียกหาใครสักคนมายืนเคียงข้าง
ภาคแรกเป็นหนังอบอุ่นน่ารักในความทรงจำครับ ส่วนภาค 2 แม้จะไม่ดีเท่าภาคแรก แต่ก็ยังดูเพลินและแอบมีอะไรชวนให้อมยิ้มอยู่ และสำหรับภาค 3 นี้ก็ถือเป็นการสานต่อเรื่องราวที่น่าพอใจครับ โดยรวมๆ แล้วผมชอบน้องๆ ภาคแรกเลยล่ะ
หนังเปิดมาก็เล่าให้เรารู้ว่าบริดเจ็ท โจนส์ (Renée Zellweger) ไม่ได้ลงเอยกับ มาร์ค ดาร์ซี่ (Colin Firth) เวลานี้เธอยังคงโสดครับ แล้วก็พยายามตั้งหน้าทำงานและสนุกกับชีวิตไปเรื่อยๆ
แต่แล้วเธอก็มีโอกาสได้ข้องแวะกับชายหนุ่มถึง 2 คน ซึ่งก็คือมาร์ค คนรักคนเดิม กับ แจ็ค (Patrick Dempsey) หนุ่มเจ้าเสน่ห์รายใหม่ และผลก็คือเธอท้องครับ ส่วนใครจะเป็นพ่อและเธอจะลงเอยกับใครนั้น คำตอบก็รออยู่ในหนังครับ
ระหว่างดูก็รู้สึกเพลินดีครับ ได้เห็นบริดเจ็ท โจนส์ คนเดิมที่ยังคงโก๊ะได้อีกแม้อายุจะขึ้นเลข 4 แล้วก็เถอะ แล้วก็ได้เห็นเพื่อนก๊วนเก่าอย่าง จูด (Shirley Henderson), เชซซ่า (Sally Phillips) และ ทอม (James Callis) รวมถึงพ่อแม่ของเธอ (Jim Broadbent และ Gemma Jones) แม้พวกเขาจะไม่ได้มีบทเยอะ แต่มันก็ได้ฟีลเดิมๆ กลับมาน่ะครับ เป็นอะไรที่อบอุ่นดี
ในแง่เนื้อเรื่องมันอาจไม่ถึงกับน่าติดตามอะไรมากนะครับ จริงๆ เราเดาอะไรหลายๆ อย่างได้ด้วยซ้ำ แต่ความสนุกของหนังมันอยู่ตรงการได้เห็นตัวละครเดิมๆ เติบโตขึ้น ได้เห็นว่าพวกเขาเป็นอย่างไรกันต่อหลังจากไม่ได้เจอกันมานานนับสิบปี
ของแบบนี้เหมือนเราเจอเพื่อนเก่าน่ะครับ บางครั้งเจอแต่ละทีก็ไม่ได้มีสาระอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรอก แต่แค่เจอกัน เห็นหน้ากัน บอกเล่าเรื่องราวให้แก่กันและกัน แค่นี้ก็สนุกมากมายแล้ว และที่ผมเล่าไปทั้งหมดคงไม่ใช่การรีวิวอะไร มันคือการเล่าความรู้สึกที่ผมมีต่อหนังมากกว่าครับ
ยังไม่จบ พรุ่งนี้มาต่อกันครับ
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Moonlight (2016) มูนไลท์ ใต้แสงจันทร์ ทุกคนฝันถึงความรัก (ตอนจบ)
2619 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด บางทีการที่ปัญหาในสังคมของเรามันซ้ำซ้อนซ้ำซากและยากจะหยุดยั้ง มันอาจเพราะเรามัวแต่แก้ปัญหาโดยการจับคนผิด ทว่ากลับไม่คิดหยุด “รังเอเลี่ยนที่ผลิตคนทำผิด” ดังนั้นต่อให้เราจับคนผิดได้หมด ก็จะมีคนทำผิดรุ่นใหม่ถือกำเนิดมาให้เราวิ่งไล่จับได้อยู่ดี… มันจะไม่มีวันจบ… ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว The Purge: Anarchy (2014) คืนอำมหิต คืนล่าฆ่าไม่ผิด
2776 0พูดได้แบบเต็มปากเต็มคำว่าชอบ The Purge: Anarchy เป็นยิ่งนัก ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ตอนดูช่วง 10 นาทีแรกก็ยังไม่รู้สึกอะไรนะครับ เพราะถ้าให้ว่าตามจริงแล้วภาคแรกเปิดเรื่องได้น่าสนใจกว่า ไม่ว่าจะเพราะหน้าดาราหรือการเปิดประเด็นเรื่อง “คืนล้างบาป” ที่ทำให้รู้สึกว่าหนังมาพร้อมความสดใหม่ ในขณะที่ภาคนี้เปิดเรื่องมาเหมือนหนังชีวิตที่เรื่อยๆ ยังไม่ถึงกับโดนใจอะไร แต่พอคืนล้างบาปเริ่มเท่านั้นล่ะ… “ของมันส์ๆ” ไหลมาเทมาทันที ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Resident Evil: Vendetta (2017) ผีชีวะ สงครามแค้นแพร่พันธุ์ไวรัส
2410 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ยอมรับว่าระยะหลังมาเนี่ย หากให้เทียบระหว่าง Resident Evil เวอร์ชั่นหนังกับเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นว่าชอบฉบับไหนมากกว่ากันแล้ว ดูเหมือนว่าคำตอบของผมจะเป็นว่า ผมจะสนุกเพลินกับเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นมากกว่าทุกทีครับ เอาเข้าจริงเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ครับ หลักๆ ก็เป็นการไล่ตามล่าตามล้างความชั่วที่พวกอัมเบรลร่าทำ ในขณะที่เวอร์ชั่นหนังถ้าดูจากเนื้อหาแล้ว ดูจะมีความพยายามใส่อะไรหลายๆ อย่างที่มันสดใหม่กว่า แต่พอมาดูเนื้อในเข้าจริงๆ แล้ว ฉบับหนังที่ดูเหมือนจะใหญ่ กลับขาดความเข้มข้นทั้งที่พยายามใส่เรื่องราวลงไปตั้งเยอะ ไปๆ มาๆ เหมือนจะเป็นการพยายามโชว์ CG เสียมากกว่าจะใส่ใจที่เรื่องราวจริงๆ (และบางภาคเปิดปมมาดีมาก แต่พอเล่าไปชักออกทะเลแฮะ) ส่วนเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นแม้จะเป็นอะไรที่มันเดิมๆ และเดาได้ แต่การนำเสนอออกแนว “น้อยแต่แน่น” มีการโฟกัสทิศทางเรื่องที่ชัดเจน โดยรวมๆ แล้วผลที่ได้ก็คือ “ไม่ต้องพยายามเล่นใหญ่ก็ได้ แต่ออกมาสนุกแบบพอดีคำ” หรืออาจจะเพราะฉบับแอนิเมชั่นไม่ทำให้เราคาดหวังก่อนดูก็ได้ครับ พอดูแล้วเลยไม่ผิดหวัง