รีวิว Coco (2017) วันอลวน วิญญาณอลเวง (ตอนที่ 2)

รีวิว Coco (2017) วันอลวน วิญญาณอลเวง (ตอนที่ 2)

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด

โดยรวมผมชอบครับ แต่สารภาพตรงๆ ว่าไม่รู้เป็นอะไร เวลาการ์ตูน Pixar มาทีไร ผมจะไม่เกิดความกระตือรือร้นในการชม เหมือนว่าจริงๆ ก็อยากดูน่ะ แล้วรู้อยู่ว่ามันต้องออกมาดีแน่ๆ แต่จะดีมากหรือดีน้อยเท่านั้นแหละ และมั่นใจด้วยว่าเดี๋ยวยังไงก็ต้องซื้อแผ่นเก็บ แต่มันจะไม่อยากดูจัดๆ แบบหนังคนแสดงทั่วๆ ไป สังเกตตัวเองมาหลายที เป็นแบบนี้ตลอด แอบขำตัวเองเหมือนกันครับ 555

หนังถือได้ว่าสนุกดีครับ ตอนต้นๆ อาจต้องปรับตัวปรับใจกันสักนิด ด้วยโทนของหนัง ด้วยลีลา ด้วยอะไรหลายอย่างที่เราอาจไม่คุ้น แต่พอผ่านไปสักพักอะไรๆ ก็เริ่มเข้าที่ครับ ช่วงกลางๆ ลากยาวมาถึงช่วงท้ายนี่มีอะไรให้ติดตามมากขึ้น ก่อนจะสรุปจบลงแบบชวนให้ประทับใจ

หนังกำกับโดย Lee Unkrich แห่ง Toy Story 3 และได้ Adrian Molina มาร่วมกำกับ ซึ่งถ้าให้ว่าตรงๆ แล้ว หนังทำออกมาได้ดีครับ เพียงแต่บางสิ่งบางอย่างหรือบางจังหวะก็อาจมีจุดแปร่งๆ บ้าง ซึ่งก็ไม่แปลกครับเพราะบางทีการจะเอารสเม็กซิกันมาปรุงในการ์ตูนสไตล์อเมริกันมันก็ไม่ง่าย แต่โดยรวมแล้วผมชอบครับ

การดู Coco ก็ทำให้ผมตระหนักนะ ว่าหลายสิ่งมันต้องสอดประสานกัน มันคงจะดีน่ะครับว่าเรามีความฝันและมุ่งมั่นที่จะทำมัน โดยมีครอบครัวหรือคนใกล้ตัวคอยช่วย ถ้าพลังแต่ละภาคส่วนของชีวิตเราสามารถมารวมกันได้ มันก็เหมือนแสงที่ได้รับการส่องผ่านเแว่นขยาย มันจะมีพลังมากขึ้นแบบเห็นเด่นชัดกว่าตอนเป็นแสงกระจายไปคนละทาง

และเรื่องราวที่มิเกลไปเจอในโลกหลังความตายนั้น ก็สอนให้เขาตระหนักทางสายกลางแห่งทางเลือก บางทีการสุดโต่งกับอะไรมากเกินไปมันก็ไม่ดี อย่างเช่นถ้าเราจะตามฝันแบบสุดซอย ตามแบบไม่สนใจใคร ไม่ฟังคำทัดทานอะไรเลย หรือไม่พิจารณาปัจจัยความเหมาะสม มันก็อาจไม่ใช่เรื่องดี เพราะเราอาจหลงทางไปก็ได้

ขณะเดียวกันก็เป็นบทเรียนให้คนที่มีครอบครัวด้วยครับ ว่าถึงยังไงคนในครอบครัวก็คือคนในครอบครัว หากทำได้ก็ควรหันหน้าเข้าหากัน ประสานใจเข้าด้วยกัน ทำความเข้าใจกันและกัน เปิดใจต่อกัน มันย่อมดีกว่า เพราะเราต้องอยู่ร่วมกันไปอีกนานครับ ระหว่างอยู่แบบจำทนกับอยู่แบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ทำดีประคองกันไป แบบหลังย่อมดีกว่า

และไปๆ มาๆ หนังก็มีอะไรให้พูดถึงมากกว่าแค่ตัวหนังอีกครับ อย่างกรณีดราม่าที่เกิดขึ้นกับการ์ตูนสั้น Olaf แล้วก็มีการลากยาวมาถึงตัวหนังโดยที่บางคนดูแล้วเกิดความรู้สึกว่าหนังมีการเหยียดเชื้อชาติ ซึ่งบางคนก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่บางคนก็มองว่าคนที่รู้สึกแบบนั้นจะคิดมากไปหรือเปล่า ก็มีหลายมุมมองต่างกันไปครับ

ยอมรับว่าช่วงต้นๆ ของหนัง อาจทำให้หลายคนคิดไปในทิศทางนั้น เพราะพฤติกรรมของหลายๆ ตัวละครมันดูจะสุดโต่ง หรือไม่ก็อาจจะดูหยาบคายสำหรับบางคน อย่างการที่ตัวละครหนึ่งถึงขั้นเอารองเท้ามาตบอีกตัวละครหนึ่ง มันก็เป็นอะไรที่ดูแรงอยู่ไม่น้อย

จุดนี้ก็พอเข้าใจน่ะครับ คือมันก็ทำให้หลายคนคิดได้เหมือนกันว่า “นี่คุณมองคนเม็กซิกันว่าเป็นคนแบบนี้หรือ มองว่าพวกเขาหยาบคาย ไร้การศึกษาแบบนี้หรือ” ซึ่งจริงๆ ไม่ว่าชาติไหนก็มีทั้งนั้นล่ะครับคนที่หยาบคาย ร้ายกาจ เห็นแก่ตัวน่ะ แต่เรื่องพวกนี้บางทีมันก็ละเอืยดอ่อน เพราะคนเรารับรู้ต่างกัน โตมาต่างกัน ดังนั้นบางสิ่งที่เราไม่ถือ ก็ใช่ว่าคนอื่นจะไม่ถือเหมือนเรา

มันก็เหมือนว่าถ้าจีนทำหนังเกี่ยวกับทหารจีนในเชิงเชิดชูวีรกรรม คนก็อาจมองว่า “นี่มันหนังโปรจีนนี่หน่า” แต่หากเป็นคนอเมริกาทำหนังทหารจีนนั่นเรื่องเดียวกันแบบเป๊ะๆ คนที่ดูก็อาจมองว่าเป็นการประชดก็ได้ มองว่าอเมริกาทำเพื่อเอาใจจีนก็ได้ (หรือจริงๆ มันอาจไม่ได้มีอะไรเลยก็ได้ แค่คนทำอยากทำเท่านั้นเองก็ได้)

ส่วนผมนั้น มองในมุมว่าฉากตอนต้นๆ เหล่านั้นทีมงานคงพยายามที่จะทำให้สถานการณ์ให้มันดูสุดโต่ง ดูเข้มข้นมากๆ บีบมากๆ เพื่อทำให้เราเข้าใจถึงนาทีที่มิเกลตัดสินใจวิ่งหนีออกมา – บางทีเมื่อเวลาจำกัด การทำสถานการณ์ให้เข้มข้นก็เป็นทางออกหนึ่งที่ทำให้จุดพลิกผันดูมีเหตุผล

นอกจากนี้ ยังผมมองว่าทีมงานเขาตั้งใจทำเรื่องนี้ออกมากึ่งๆ เป็นหนังต้อนรับเทศกาลปลายปีน่ะครับ พวกคริสต์มาส-ปีใหม่ เลยเอา Olaf ที่เป็นเรื่องของวันคริสต์มาสปะหน้า แล้ว Coco ก็เป็นเรื่องเทศกาลแห่งความตาย (Día de los Muertos) ซึ่งไม่ว่าจะเทศกาลไหนก็ล้วนมีความหมายและนัยภายในที่รอให้เราค้นพบ

ทั้งค้นพบสาระแห่งเทศกาลนั้นๆ และค้นพบบางสิ่งในตนเอง ^_^

สำหรับผม Coco เป็นแอนิเมชั่นที่น่าจะให้อะไรหลายอย่างกับใครหลายคน ผมเชื่อว่ามันจะกลายเป็นบทเรียนให้กับ Disney และ Pixar และมันจะช่วยขยายมุมมองของคนดูอย่างเราๆ ให้มองหลากมุม-มองต่างมุมได้ เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว สาระอย่างหนึ่งใน Coco ก็คือ “สิ่งที่เห็น สิ่งที่รู้ สิ่งที่คิดว่าจริง มันอาจมีความจริงอีกชุดหนึ่งซ่อนอยู่ โดยที่เราไม่เคยรู้ก็ได้”

คะแนนความชอบ 8/10

รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน

 

ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

Similar Videos

รีวิว All Is Lost (2013) ออล อีส ลอสต์

2064 0

การเลือกว่าจะดูหนังเรื่องนี้หรือไม่ ทำได้ไม่ยากครับ แค่ลองถามตัวเองว่า “หนังที่มีชายสูงวัยคนหนึ่งไปล่องเรือกลางมหาสมุทรอินเดีย แล้วก็จำต้องสละเรือเนื่องจากมีตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่มาพุ่งชนจนเรือรั่ว จากนั้นเขาก็ต้องพยายามเอาตัวรอดให้นานที่สุด โดยหวังว่าจะมีคนผ่านมาช่วย” ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว Dunkirk (2017) ดันเคิร์ก (ตอนที่ 1)

2744 0

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด การที่ผมเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ในโรงถึง 2 รอบแปลว่าผมชอบหนังเรื่องนี้มากๆ ใช่หรือไม่? ก็อาจจะใช่นะครับ ผมคงชอบหนังเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว แต่ครั้นพอมาถามใจตัวเองจริงๆ คำตอบมันอาจมีรายละเอียดมากกว่าคำว่า ชอบ หรือ ไม่ชอบ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว Death Note: Light Up The New World (2016) สมุดมรณะ

2463 0

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ออกตัวเช่นเคยครับว่าผมไม่เคยอ่านการ์ตูน แต่ชอบหนัง 2 ภาคแรกมาก ในขณะที่ภาค L ก็ถือว่าพอกล้อมแกล้ม มาถึงภาคนี้ก็เป็นการสานต่อตำนานเดธโน้ตอีกหนึ่งคำรบ ลึกๆ ในใจก็แอบคาดหวังให้มันจุดติดเหมือนกันครับ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด