รีวิว Split (2016) จิตหลุดโลก (ปลอดสปอยล์)

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
ทำไมโปสเตอร์ของ Split ต้องเป็นรอยกระจกแตก? ตอนแรกผมไม่เอะใจนะ ก็คิดง่ายๆ ว่าคงเพราะเรื่องมันเกี่ยวกับบุคลิกที่แตกออกเป็น 23 ตัวตนของตัวเอก โปสเตอร์เลยทำเป็นรอยแตกซะ… แต่พอดูจบปุ๊บแล้วมาดูโปสเตอร์ใหม่ ก็ถึงบางอ้อเลยทีนี้
สำหรับผม หนังที่จะถือว่าเป็นผลงานที่ดีของพี่มาโนช (M. Night Shyamalan) ต้องมี 2 องค์ประกอบหลัก อย่างแรกคือ ต้องมีการเล่าเรื่องที่ดีครับ เพราะจริงๆ พี่เขาเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งนะ ถ้าเรื่องไหนเขาแม่นๆ ล่ะก็ เขาจะสามารถกำหนดทิศทางของเรื่องได้อย่างแม่นยำ อันจะเป็นการกำหนดความคิดและอารมณ์ของเราไปในตัวด้วย (ว่าง่ายๆ คือดูแล้วจะโดนดึงเข้าไปสู่เรื่องราวที่พี่แกเล่านั่นเอง)
อย่างที่ 2 คือ ต้องมีแก่นเรื่องที่ดี พี่แกต้องมีแนวคิดที่แม่นเป๊ะว่าเรื่องที่เล่ามันเกี่ยวกับอะไร ธรรมชาติและจักรวาลของเรื่องราวคืออะไร หรือทฤษฎี+สมมติฐานตั้งต้นของเรื่องที่พี่แกจะเล่าคืออะไร หากเขาแม่นใน 2 องค์ประกอบนี้ หนังพี่แกก็จะออกมาดี ควรค่าแก่การลองชม
หลังจากพี่เขาไปหลงๆ ล้มๆ กับ After Earth เขาก็พยายาม Back to Basic ด้วยการทำหนังเขย่าขวัญทุนไม่สูง และหันมาเน้นที่การเล่าเรื่องแทน โดยเรื่องก่อนหน้าคือ The Visit ที่แม้จะไม่ดีเด่ แต่ก็ไม่เหลวแหลก จนถึงเรื่องล่าสุดอย่าง Split หนังที่เล่าถึงเควิน (James McAvoy) ชายที่มีบุคลิกแตกออกถึง 23 บุคลิก
แล้วเควินก็ไปจับตัวหญิงสาว 3 คนมาขังไว้ พวกเธอก็พยายามหาทางรอดเท่าที่จะทำได้ แต่ขณะเดียวกันพวกเธอก็มีคำถามว่าชายคนนี้จะจับเธอมาด้วยเหตุผลอะไรกันแน่? และเมื่อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ ความจริงก็ปรากฏออกมาทีละน้อยครับ…
หนังเรื่องนี้จัดว่าเป็นการคืนฟอร์มของพี่มาโนชครับ คือมันอาจไม่ใช่ฟอร์มสุดยอดเท่า The Sixth Sense นะ แต่สามารถเอาไปวางไว้ร่วมชั้นกับ Unbreakable และ Signs ได้เลย มันอร่อยกลมกล่อมในแบบของมัน มีทั้งเรื่องราวที่ดี การเล่าที่ดี และใช้องค์ประกอบอื่นๆ ที่มีอย่างพอเหมาะ
ผมรู้สึกว่า Split เป็นหนังลึกลับระทึกขวัญที่มีคลาสครับ มันสร้างบรรยากาศน่ากลัวมากขึ้นทีละน้อย และค่อยๆ ดึงเราให้จมเข้าสู่โลกของหนังได้อย่างเนียนทีเดียว แต่ก็ต้องยอมรับครับว่าหากใครไม่เก็ทหรือไม่เชื่อใน “แนวคิด” ที่หนังพยายามบอก ก็อาจมองว่าหนังขาดความน่าเชื่อถือไปเลยก็ได้
แต่หากใครเชื่อหรือสามารถจินตนาการตามทฤษฎีที่หมอเฟลตเชอร์ (Betty Buckley) ร่ายไว้ล่ะก็ ผมเชื่อว่าท่านจะสนุกและอินไปกับเรื่องราวได้อย่างดีเลยครับ ซึ่งผมว่านั่นคืออีกหนึ่งความสนุกที่หาได้จากหนังของพี่มาโนช
ผมมองว่าพี่มาโนชแกเป็นนักคิดน่ะครับ แกชอบมองและเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เข้าหากัน อีกทั้งชอบมองในหลายๆ มุม ดังนั้นแนวคิดหรือสมมติฐานที่พี่แกเอามาพูดถึงในหนังนั้น หากใครเชื่อก็จะสนุกไปกับมัน แต่หากใครไม่เชื่อก็จะหุยฮาหาว่าไร้สาระไปเลยก็มี (อย่างใน The Happening น่ะครับ)
แล้วทีนี้ผมอยู่ในข่ายว่าชอบและสนุกไปกับการคิดบนสมมติฐานของพี่แกครับ เลยสนุกมากกับการติดตามเรื่องราวและสังเกตรายละเอียดของหนังเรื่องนี้ ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาว่ากันยาวๆ ในช่วงสปอยล์นะครับ (แต่ตอนนี้ยังไม่สปอยล์ครับ ไม่ต้องห่้วง ถ้าปอยล์เมื่อไร ผมบอกแน่นอนครับ)
จุดเด่นของหนังสำหรับผมแล้ว นอกจากบทที่น่าสนใจ ก็คือการเดินเรื่องที่ชวนให้ติดตาม อีกทั้งบรรยากาศความลึกลับอึดอัดทั้งหลายที่เกิดขึ้น อันนี้ไม่รู้ใครเป็นไหมนะครับ แต่ตอนใดก็ตามที่หนังฉายเรื่องราวตอนที่พวกสาวๆ โดนจับไว้ในห้องแคบๆ มันจะบังเกิดความรู้สึกอึดอัด… มันทำให้เรารู้สึก “อยากออกไปจากที่นั่นให้ไวๆ”
แต่ครั้นพอหนังตัดมาที่ฉากภายนอก (เช่น ฉากบ้านของหมอเฟลตเชอร์หรือภาพส่วนอื่นๆ ในเมือง) อารมณ์มันจะผ่อนคลาย มันจะเหมือนเราหายใจได้โล่งขึ้น ความอึดอัดคลายไปเยอะ ซึ่งผมว่านี่เป็นทีเด็ดอย่างหนึ่งของหนังน่ะครับ มันมีการสลับระหว่างอึดอัด (ด้วยฉากแคบๆ) กับผ่อนคลาย (ด้วยฉากโล่งๆ) อยู่ตลอด ซึ่งมันก็ส่งผลต่ออารมณ์ของเราไม่น้อยเหมือนกัน
(ยังไม่จบพรุ่งนี้มาต่อกันครับ)
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Resident Evil: Vendetta (2017) ผีชีวะ สงครามแค้นแพร่พันธุ์ไวรัส
2435 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ยอมรับว่าระยะหลังมาเนี่ย หากให้เทียบระหว่าง Resident Evil เวอร์ชั่นหนังกับเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นว่าชอบฉบับไหนมากกว่ากันแล้ว ดูเหมือนว่าคำตอบของผมจะเป็นว่า ผมจะสนุกเพลินกับเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นมากกว่าทุกทีครับ เอาเข้าจริงเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ครับ หลักๆ ก็เป็นการไล่ตามล่าตามล้างความชั่วที่พวกอัมเบรลร่าทำ ในขณะที่เวอร์ชั่นหนังถ้าดูจากเนื้อหาแล้ว ดูจะมีความพยายามใส่อะไรหลายๆ อย่างที่มันสดใหม่กว่า แต่พอมาดูเนื้อในเข้าจริงๆ แล้ว ฉบับหนังที่ดูเหมือนจะใหญ่ กลับขาดความเข้มข้นทั้งที่พยายามใส่เรื่องราวลงไปตั้งเยอะ ไปๆ มาๆ เหมือนจะเป็นการพยายามโชว์ CG เสียมากกว่าจะใส่ใจที่เรื่องราวจริงๆ (และบางภาคเปิดปมมาดีมาก แต่พอเล่าไปชักออกทะเลแฮะ) ส่วนเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นแม้จะเป็นอะไรที่มันเดิมๆ และเดาได้ แต่การนำเสนอออกแนว “น้อยแต่แน่น” มีการโฟกัสทิศทางเรื่องที่ชัดเจน โดยรวมๆ แล้วผลที่ได้ก็คือ “ไม่ต้องพยายามเล่นใหญ่ก็ได้ แต่ออกมาสนุกแบบพอดีคำ” หรืออาจจะเพราะฉบับแอนิเมชั่นไม่ทำให้เราคาดหวังก่อนดูก็ได้ครับ พอดูแล้วเลยไม่ผิดหวัง
รีวิว Undercover Grandpa (2017) คุณปู่ผมเป็นสายลับ
2765 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด จำได้ว่าช่วงหนัง 7 ประจัญบานออกฉายใหม่ๆ ผมเคยมีคำถามว่าทำไมไม่มีคนลองทำหนังไทยแนวแอ็กชันที่เอาดาราลายครามมารวมพลังกัน เป็นหนังแอ็กชันวัยดึกสายเข้มผสมฮาอะไรก็ได้ ผมว่ามันน่าจะเจ๋งดี และเป็นการไว้ลาย ให้พื้นที่กับดาราอาวุโสด้วย ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Elvis & Nixon (2016) เอลวิส พบ นิกสัน
2232 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด หนังอิงจากเหตุการณ์หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์อเมริกันครับ เมื่อเอลวิส เพรสลี่ย์ เข้าพบประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน โดยหนังทำออกมาในโทนเบาๆ ไม่ได้หนักหรือเข้มอะไร ออกแนวผสมอารมณ์ขันน่ะครับ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด