https://www.youtube.com/watch?v=HcwTxRuq-uk

จัดเป็นหนังซอมบี้เน้นบันเทิงที่ทำได้สนุกน่าพอใจอีกเรื่องครับผม แต่ก็ยอมรับครับว่าตอนแรกผมไม่ได้ตั้งหน้าตาตั้งรอดูสักเท่าไร เหมือนช่วงนั้นผมกำลังอิ่มซอมบี้เพราะ The Walking Dead อยู่

หนังชวนให้นึกถึง I Am Legend ครับ ขณะที่เรื่องนั้นว่าด้วยโลกหลังเกิดหายนะ (โดยมีภาพตอนโลกเกิดหายนะใหม่ๆ ให้เห็นแว้บๆ) ส่วนเรื่องนี้ก็ถ่ายทอดให้เราเห็นตอนที่โลกเกิดหายนะใหม่ๆ และคนร่วมมือกันหาทางแก้ไขหายนะที่เกิดขึ้น (เรื่องนี้กับเรื่องนั้นไม่ได้เกี่ยวเนื่องกันนะครับ แค่ยกตัวอย่างขึ้นมาเท่านั้น)

การเดินเรื่องถือว่าน่าติดตามครับ สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ ผมชอบเวลาที่หายนะมันเกิดแบบฉับพลัน ไม่ทันตั้งตัว แบบตอนแรกทุกอย่างก็ดูปกติดี แต่แล้วแค่ชั่วพริบตา ฝูงซอมบี้ก็โผล่มาถล่มเมือง

หรือฉากในเมืองที่มีปราการป้องกันแน่นหนา จนไม่น่าจะเกิดเหตุร้าย หรืออย่างน้อยก็ยังไม่น่าจะเกิดในเร็วๆ นี้ แต่เพียงเพราะความผิดพลาดเพียงนิดเดียว หรือความประมาทเพียงนิดเดียว หายนะก็เกิดแบบน้ำป่าหลาก คืออารมณ์แบบนี้มันได้ที่เลยล่ะครับ

และอารมณ์แบบนี้แหละที่ทำให้หนังมันน่าติดตามตลอด เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะเกิดหายนะแบบไหนขึ้นมาบ้าง และมันจะเกิดแบบฉับพลันขนาดไหน เรียกว่าทำให้เราลุ้นเป็นพักๆ ไปจนจบ

ในบางจังหวะนี้ทำให้รู้สึกเหมือนเราโดนดึงเข้าไปในหนังน่ะครับ ประมาณว่าไม่แน่ใจในความปลอดภัยของชีวิตตนเองเลย เราอาจจะเจอซอมบี้บุกเมื่อไรก็ได้ และไม่มีอะไรที่จะป้องกันเราได้อย่างแท้จริงเลย

งานนี้ Marc Forster ทำได้ดีครับ จังหวะหนังมันผสมกันพอเหมาะระหว่างความ Real กับความบันเทิง ในขณะที่ Brad Pitt ก็เล่นได้ลื่นเรื่อยๆ ตามแบบของเขา และแอบแปลกใจนิดๆ ตอนรู้ว่าเรื่องนี้เป็นหนังที่ทำเงินเกิน $200 ล้านเป็นเรื่องแรกของเขา (และจนถึงตอนนี้ เป็นหนังที่ทำเงินสูงสุดในชีวิตการแสดงของพี่แก)

ที่แปลกใจก็เพราะ เห็นหน้าแกมานานครับ เล่นหนังมากมายหลายเรื่อง จนนึกว่าแกมีหนังสองร้อยล้านไปแล้วซะอีก (แต่มานึกถึงอีกก็พอเข้าใจ เพราะพี่แกเล่นหนังตลาดไม่บ่อย ส่วนมากเล่นหนังเฉพาะทางมากกว่า)

หนังมีปริมาณความสยองน้อยกว่าที่คิด เพราะปกติหนังซอมบี้รุ่นหลังๆ นี่มันต้องโหด เลือดสาด แขนขาด ตัวกระจุย อวัยวะเกลื่อน แต่เรื่องนี้ถือว่าน่ากลัวในระดับที่คนขวัญอ่อนก็ยังดูได้ อาจมีเสียวไส้บ้าง แต่ก็ไม่มากจนเกินไป

ถ้าให้ว่าตามจริงแล้ว หนังไม่ได้แปลกใหม่อะไรครับ เพียงแต่หนังจับเอาเรื่องซอมบี้มาเล่นในสเกลที่ใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้หนังซอมบี้สเกลมันยังไม่ Global ขนาดนี้ อย่าง Resident Evil นี่แม้มันจะเกิดแบบ Global (ในภาคหลังๆ) แต่ก็ถือว่าเป็น Global แบบผ่านคำบอกเล่าครับ เราไม่ได้เห็นภาพจริงๆ จังๆ ยังไงเหตุก็จะเกิดในที่แคบๆ หรือพื้นที่จำกัดอยู่ดี

ในขณะที่ WWZ นี่ เราได้เห็นวิกฤตการณ์ซอมบี้เป็นหายนะระดับโลก ตัวเอกของเราต้องตระเวนไปทั่วเพื่อหาทางหยุดยั้ง ซึ่งก็เป็นอะไรที่น่าติดตามและยกระดับหนังประเภทซอมบี้นี่ได้ดีไม่น้อย เหมือนกัน

ผมชอบฉากที่ซอมบี้ต่อตัวปีนกำแพงกันน่ะครับ มันสยองอยู่นะ อีกฉากก็ตอนท้ายที่ เจอร์รี่ (Brad Pitt) ต้องเดินเข้าไปในตึกที่ซอมบี้เพ่นพ่าน คือทางเชื่อมระหว่างตึกมันให้อารมณ์เหมือนปากทางเข้ามิติมรณะมากๆ ครับ ให้อารมณ์หลอนเยอะจริงๆ

ก็รอดูภาค 2 ต่อครับ ไม่รู้จะได้เริ่มเมื่อไร เพราะยังไม่ได้ผู้กำกับเลย ตอนแรกจะได้ J.A. Bayona มาทำครับ แต่พอดีเขาขอให้เลื่อนกำหนดฉาย WWZ2 ออกไป เพื่อเขาจะได้จัดการกับ A Monster Calls ของเขาให้ดีที่สุดก่อน แล้วค่อยกำกับ WWZ2

แต่แล้วทางสตูดิโอไม่ยอมครับ เขาเลยตบเท้าเดินออก และล่าสุดก็โดนจูงมือให้ไปกำกับภาคต่อของ Jurassic World แล้วด้วย ดังนั้นพี่แกไม่กลับมากำกับ WWZ2 แน่นอน
คะแนนความชอบ 7.5/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน