รีวิว Scouts Guide to the Zombie Apocalypse (2015) 3 (ลูก) เสือปะทะซอมบี้

https://www.youtube.com/watch?v=A5e7Mr7eVTk
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
ผมเชื่อว่าหลายคนเล็งหนังเรื่องนี้ไว้ และตั้งเป้าว่ามันน่าจะออกมาโอเคแบบหนังซอมบี้อย่าง Zombieland เพราะหน้าหนังก็ชวนให้คิดแบบนั้นด้วย
ในขณะที่ตัวหนังนั้นถือว่าออกมากลางๆ ครับ จริงๆ คือกลางๆ ค่อนไปทางสนุก นั่นคือพอกล้อมแกล้ม แม้มันจะไม่กลมกล่อมเข้าที่แบบเต็มพิกัด แต่ก็ถือว่าดูสนุก เพลิน ผสมความฮาและความสยองได้ไม่เลว
เรื่องของ 3 หนุ่มลูกเสือที่ต้องเผชิญกับฝูงซอมบี้ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหนังก็เปิดเผยตั้งแต่ต้นน่ะครับว่าซอมบี้มาจากไหน (ซึ่งมันก็เกิดขึ้นแบบติงต๊องไม่น้อย 555) ก่อนที่หนังจะแนะนำ 3 หนุ่ม และเดินเรื่องสู่การผจญภัยของพวกเขาในการสู้กับซอมบี้
สไตล์หนังคล้าย Zombieland มากครับ นั่นคือเป็นหนังซอมบี้สยองขวัญ ตลกร้าย มีมุขเจ็บๆ แสบๆ แทรกอยู่เพียบ ซึ่งก็เพลินดี จุดแรกๆ ที่ผมชอบคือ 3 หนุ่มลูกเสือที่แม้จะไม่ถึงกับเล่นได้สุดยอด แต่ก็บ้าไปกันได้กับเรื่องราวครับ
และแน่นอนว่าในเรื่องนี่คัดดาราสาวมาแสดงแบบจงใจให้หนุ่มๆ จดจำกันเลยทีเดียว รายแรกคือ Halston Sage ในบทพี่สาวของคาร์เตอร์ ตัวเอกของเรื่อง ซึ่งรายนี้ปรากฏตัวแค่ช่วงต้นกับช่วงท้าย (แต่ก็ถือว่ามีผลกับเรื่องราว)
ส่วนรายที่ 2 คือ Sarah Dumont ในบท เดนิส รุสโซ สาวแกร่งที่มาร่วมขบวนสู้ซอมบี้กับเหล่า 3 ลูกเสือด้วย ซึ่งทั้ง 2 คนที่ผมบอกไปนี่ก็สวยแบบเจตนาครับ แม้ตัวหนังจะไม่เปรี้ยง แต่เชื่อเลยว่าหนุ่มๆ ที่ดูหนังเรื่องนี้แล้ว จะจดจำพวกเธอได้แน่ๆ
หนังถือว่าเดินเรื่องไวอยู่ครับ แต่ขนาดไวก็ยังมีจังหวะอืดบ้าง แต่ก็ไม่เยอะ ความน่าติดตามก็มาเรื่อยๆ เรียกว่าใครชอบหนังแนววิ่งหนีซอมบี้ก็น่าจะสนุกกับหนังได้ไม่ยากน่ะครับ บางมุขก็ทำออกมาได้ขำกำลังดีเหมือนกัน
แต่กระนั้นหนังก็มีช่วงเรื่อยๆ, ช่วงมุขไม่ปัง หรือมุขเดิมๆ ผสมอยู่เป็นระยะ ซึ่งอะไรเหล่านี้ก็ลดทอนรสชาติอร่อยๆ ของหนังลงไปพอสมควร เรียกว่าหน้าหนังและพล็อตถือว่าเข้าท่า แต่การเดินเรื่องก็มีทั้งที่เข้าเป้าและพลาดเป้าครับ
หนังกำกับโดย Christopher Landon ที่เคยทำ Paranormal Activity: The Marked Ones มาก่อน ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าน่าพอใจกว่าเรื่องนั้นครับ อย่างน้อยก็ดูเพลินและลื่นกว่า แต่จุดอ่อนที่เคยมีเมื่อคร่าวก่อนก็พอกัน นั่นคือบางจังหวะความน่าสนใจของหนังลดลง หรือไม่ก็ยังขยี้บางฉากได้ไม่พีคพอ
แต่ถ้าดูแก้เบื่อล่ะก็ ผมว่าเรื่องนี้โอเคครับ ดูเพลินๆ แต่อย่าคาดหวังจนเกินไปก็แล้วกันครับ
คะแนนความชอบ 6.5/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Mythica: A Quest for Heroes (2014) ศึกเวทย์มนต์พิทักษ์แดนมหัศจรรย์
2264 0หากดูจากโปสเตอร์ที่ผมนำมานั้น จะพบว่าหนังออกตัวว่าได้รับรางวัลพอสมควรครับ แต่สารภาพเลยว่าระหว่างดู ผมไม่ได้รู้สึกถึงโดนกับหนังสักเท่าไร (สงสัยตาไม่ถึง) ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
Birdman (2014) มายาดาว
1875 0ภาพยนตร์เข้าชิง Best picture ออสการ์ครั้งที่87 : Birdman อีกหนึ่งภาพยนตร์เต็งออสการ์หลังจากที่ได้คว้าลูกโลกทองคำและรางวัลอื่นๆอีกมาก เรียกได้ว่าตีคู่Boyhoodมาเลย พล็อตหนังคืออดีตนักแสดงซุปเปอร์ฮีโร่ที่พยายามจะคืนฟอร์มด้วยการมากำกับละครบรอดเวย์ โดยมีบทบาทBirdmanที่เหมือนถูกผูกติดกับตัวเฮียแกมาโดยตลอดตามหลอกหลอน ดูไปก็คล้ายเป็นชีวประวัติ ไมเคิล คีตัน นักแสดงนำเหมือนกัน เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าเฮียแกก็เป็นที่จดจำในฐานะแบทแมน และครั้งนี้ก็เป็นการกลับมาของแกคล้ายๆกับในหนังเลย มันจึงเป็นอะไรที่เข้ากันมาก ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด จริงๆพล็อตหนังมันไม่น่ามาทำให้ฮาได้เลย ยิ่งเห็นชื่อผู้กำกับที่ผลงานผ่านๆมาล้วนแต่เป็นดราม่าหนักๆชั้นดีทั้งนั้น ใครจะไปคิดว่านี่คือผลงานของแก แต่จากตัวอย่างที่ได้ดูกับบทสนทนาบางส่วนที่ผ่านตามายังทำให้หัวเราะซะลั่นบ้านเลย มันช่างยียวนกวนประสาทอะไรขนาดนี้ งานนี้หวังว่าคงได้ฮาแบบฟินๆล่ะนะ ด้านนักแสดงครั้งนี้ไม่ได้มีแต่เฮียไมเคิลนะ เพราะยังแถมมาด้วยรุ่นเก๋าอย่าง เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน ที่ได้เข้าชิงสมทบชาย พ่วงด้วยตัวประกอบคุณภาพอีกเพียบ ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ นางเอกสาวผมบลอนด์ เอ็มม่า สโตน ที่เล่นดีจนเข้าชิงสมทบหญิงกันเลยทีเดียวน แน่นอนว่าเฮียไมเคิลเองก็ไม่พลาดที่จะได้เข้าชิงนำชายเช่นกัน
รีวิว Resident Evil: Vendetta (2017) ผีชีวะ สงครามแค้นแพร่พันธุ์ไวรัส
2412 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ยอมรับว่าระยะหลังมาเนี่ย หากให้เทียบระหว่าง Resident Evil เวอร์ชั่นหนังกับเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นว่าชอบฉบับไหนมากกว่ากันแล้ว ดูเหมือนว่าคำตอบของผมจะเป็นว่า ผมจะสนุกเพลินกับเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นมากกว่าทุกทีครับ เอาเข้าจริงเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ครับ หลักๆ ก็เป็นการไล่ตามล่าตามล้างความชั่วที่พวกอัมเบรลร่าทำ ในขณะที่เวอร์ชั่นหนังถ้าดูจากเนื้อหาแล้ว ดูจะมีความพยายามใส่อะไรหลายๆ อย่างที่มันสดใหม่กว่า แต่พอมาดูเนื้อในเข้าจริงๆ แล้ว ฉบับหนังที่ดูเหมือนจะใหญ่ กลับขาดความเข้มข้นทั้งที่พยายามใส่เรื่องราวลงไปตั้งเยอะ ไปๆ มาๆ เหมือนจะเป็นการพยายามโชว์ CG เสียมากกว่าจะใส่ใจที่เรื่องราวจริงๆ (และบางภาคเปิดปมมาดีมาก แต่พอเล่าไปชักออกทะเลแฮะ) ส่วนเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นแม้จะเป็นอะไรที่มันเดิมๆ และเดาได้ แต่การนำเสนอออกแนว “น้อยแต่แน่น” มีการโฟกัสทิศทางเรื่องที่ชัดเจน โดยรวมๆ แล้วผลที่ได้ก็คือ “ไม่ต้องพยายามเล่นใหญ่ก็ได้ แต่ออกมาสนุกแบบพอดีคำ” หรืออาจจะเพราะฉบับแอนิเมชั่นไม่ทำให้เราคาดหวังก่อนดูก็ได้ครับ พอดูแล้วเลยไม่ผิดหวัง