ใช้เวลาถึง 14 ปี สำหรับหนังภาคต่ออย่าง Furious 7 ที่อาทิตย์นี้เปิดตัวอย่างสวยงามที่ 147.2 ล้าน ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดตัวที่จัดอยู่ในอันดับเก้า จากการเปิดตัวหนังทั่วโลก ตามหลัง  The Avengers, Iron Man 3, The Final Harry Potter, Dark Knight, Hunger Games และ Spider Man 3

หนังเปิดตัวอย่างเหลือเชื่อที่ 245 ล้านเหรียญ ยังไม่รวมรายได้จากญี่ปุ่น จีน และรัสเซีย ซึ่งหนังจะเปิดตัวที่สามประเทศนี้ในอีกสองสามสัปดาห์หน้า จนถึงตอนนี้ Furious 7 นั้นมีรายได้กว่า 392 ล้านเหรียญจากทั่วโลก และน่าจะเข้าสู่ 1 พันล้านเหรียญ เมื่อหนังสิ้นสุดการฉายลง

จาก Box office ภายในประเทศ รายได้เปิดตัว 147.2 ล้านเหรียญนั้นสูงกว่า Captain America: The Winter Soldier’s เจ้าของสถิติเดือนเมษายนที่ได้ไป 95 ล้านเหรียญ ถึง 55 เปอร์เซน ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดตัวสูงสุดของหนังภาคต่อเรื่องนี้เหนือกว่า Furious 6 ถึง 51 เปอร์เซ็น Furious 7 นั้นยังมีรายรับอีก 13.3 ล้านเหรียญ ที่ได้จากการฉายในโรง Imax โดยอยู่ในอันดับที่ 2 ตามหลัง The Dark Knight Rises

ปรากฏการณ์ความสำเร็จของ Furious 7 นั้นประกอบด้วยสองสามปัจจัยด้วยกัน เมื่อมองกลับไปจะพบว่าเป็นแรงดึงดูดจากความสำเร็จของ Fast five และ Fast & Furious 6 และ Universal ยังมีการติดแท็ก “One Last Ride” ซึ่งดูเหมือนว่านี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Fast & Furious (แต่ก็ยังไม่ได้แน่นอนนัก) ที่แน่ๆคือนี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่แฟนคลับหนังเรื่องนี้จะได้จะได้ชมการแสดงสุดท้ายของ  Paul Walker’s ซึ่งเขาได้จากไประหว่างการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ในปี 2013

ผู้ชมของหนังเรื่องนี้มีจำนวนที่ใกล้เคียงกันระหว่างหญิงและชาย(51%) และ 56% นั้นเป็นผู้ชมที่อายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป ตามรายงานของ Universal ระบุว่า ผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งเป็นชาวสเปนนั้นเพิ่มขึ้นถึง 37 % ในสัปดาห์นี้

และถึงแม้ว่า Furious 7 นั้นจะตกลงอย่างรวดเร็ว แต่มันก็การันตีว่าจะทำเงินได้มากกว่า 300 ล้านเหรียญ และมีความเป็นไปได้ว่ามันอาจจะทำเงินถึง 350 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

ตัวอย่างแอนิเมชั่นเรื่อง Home ของ Dreamworks ตกลง 48% ที่ 27 ล้านเหรียญ มากกว่าเรื่อง Monster Vs Aliens (45%) และอันดับสุดท้ายคือ The Croods (39%) ซึ่งหลังจากผ่าน 10 วัน Home มีรายได้ทั้งหมด 95.6 ล้านเหรียญ

ตัวอย่างอีกเรื่องหนึ่งคือ ภาพยนตร์เรื่อง Get Hard กับรายได้ 13.1 ล้านเหรียญล่วงลง 61% หลังเปิดตัวสัปดาห์แรก ถือเป็นการตกลงอย่างมาก ในจำนวนหนังหนังคอเมดี้ ของ Will Ferrell และใกล้เคียงกับภาพยนตร์เรื่อง Semi Pro ที่ร่วงลงถึง 62% โดย Get Hard นั้นมีรายได้รวม 57.2 ล้านเหรียญ และอยู่ในอันดับหนังที่มีรายได้น้อยกว่า 100 ล้านเหรียญ

ในสัปดาห์ที่ 4 รายได้ของภาพยนตร์เรื่อง Cinderella ลดลง 40% หรือราว10.2 ล้านเหรียญ ซึ่งก็ถือว่าเป็นหนังทำงานสูงสุดปี 2015 กับรายได้ 167.1 ล้านเหรียญ ถึงแม้ว่า Furious 7 ช่วงชิงอันดับนั้นมาในสัปดาห์นี้

ภาพยนตร์เรื่อง The spanergent Series: Insurgent ตกลง 53% หรือราว 10.1 ล้านเหรียญ และมีรายรับรวม 103.5 ล้านเหรียญ

ภาพยนตร์เรื่อง It Follows นั้นมีรายได้ 2.51 ล้านเหรียญในสัปดาห์นี้ ซึ่งร่วงลถึง 33% จากสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าจะมีการเพิ่มโรงฉายก็ตาม

Woman in gold รับ 2.1 ล้านเหรียญ หลังเข้าฉายกว่า 258 โรง ซึ่งมันน่ากลัวที่จะคาดเดาว่ามันจะถึง 7 ล้านเหรียญหรือไม่ เมื่อการฉายสิ้นสุดลง หรือมันอาจจะไปได้ถึง 10 ล้านเหรียญ ถ้ามันได้รับการผลักดันที่ดีพอ ซึ่งน่าสนใจว่า บริษัท Weinstein จะพาหนังเรื่องนี้ไปถึงเป้าหมายอย่างไร