คิดไปคิดมาผมว่าผมชอบสูตรหนังแอ็กชันแบบนี้อยู่เหมือนกันนะครับ ประเภทว่าตัวเอกเป็นมือพระกาฬที่ไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา แล้วก็ต้องสำแดงความสามารถในการปราบเหล่าร้าย แบบหนัง Die Hard หรือ Under Siege ประมาณนั้นน่ะครับ

แต่เท่าที่นึกออก หนังที่ใช้สูตรนี้ได้สนุกน่าจะเป็น Paul Blart: Mall Cop ภาคแรกน่ะครับ เป็นการผสมหนังตลกเข้ากับหนังแนวนี้ได้ดี ดูจบแล้วยังมีความสุข ตัวหนังก็สนุกสนานด้วย

นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่ผมเลือกดูเรื่องนี้ครับ เพราะสูตรแบบนี้จริงๆ โดยพื้นฐานน่ะมันจะโอเคอยู่แล้ว ที่เหลือก็แค่ว่าคนทำจะปรุงออกมาได้ดีไหม และผมยังถือเป็นการไปเอาใจช่วย Antonio Banderas ด้วย

Banderas รับบท เอดูอาโด “เอ็ดดี้” ดีคอน ทหารผ่านศึกที่ไร้งานทำมาเป็นปี ไหนจะต้องส่งเสียลูกเมียอีก เขาเลยพร้อมจะทำทุกงานที่มีผ่านเข้ามา และงานที่เขาได้โอกาสทำก็คือ “ยามเฝ้าห้างสรรพสินค้า” ครับ

แล้วก็ลงสูตรเรียบร้อย พี่เอ็ดดี้ไปเฝ้าห้างวันแรก ก็พอดีมีเด็กสาวอายุ 11 ปีวิ่งหนีการตามล่ามา เขาก็เลยต้องหาทางปกป้องเธอให้พ้นจาก ชาร์ลี (Ben Kingsley) หัวหน้าเหล่านักฆ่าที่ยกโขยงกันมาเพื่อตามเก็บเด็กคนนี้โดยเฉพาะ

เอิ่ม… ตอนต้นๆ ก็อาจจะอืดหน่อยครับ จริงๆ ฉากที่เอ็ดดี้พยายามของานจากสำนักงานจัดหางานถือว่าน่าสนใจนะ แล้วจากนั้นหนังก็ค่อนข้างเรื่อยๆ จนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงน่ะครับ ถึงจะเริ่มเข้าเรื่องในส่วนของการตามล่า

สำหรับผมฉากที่น่าสนใจ นอกจากฉากของานทำแล้ว ก็คือฉากแรกที่ชาร์ลีปรากฏตัว แล้วก็เจรจาเพื่อให้เหล่ายามในห้างยอมส่งตัวเด็กคนนั้นออกมา ฉากนี้ทำได้กดดันดีครับ Kingsley ก็แสดงได้ดี สามารถแผ่รังสีอำมหิตออกมาได้สมกับเป็นมืออาชีพครับ

แต่หลังจากนั้นหนังก็กลับสู่โหมดเรื่อยอีกๆ แม้จะมีฉากแอ็กชันมาเรื่อยๆ แต่มันก็ไม่ได้เร้าใจอะไรมาก จุดนี้ทำให้เห็นน่ะครับว่าการกำกับคิวบู๊มีความสำคัญ ไม่ใช่แค่ให้คนมาต่อย มาตี หรือมายิงตรงหน้ากล้องแล้วจะเรียกว่าเป็นหนังแอ็กชันได้ มันต้องมีลีลาท่วงท่าหรือจังหวะการบู๊ที่ได้อารมณ์ครับ มันถึงจะออกมาสนุก

สำหรับเรื่องนี้ ฉากแอ็กชันถือว่าเรื่อยๆ ความมันส์ก็ไม่เยอะ อย่างแรกที่แอบเสียดายคือ เอ็ดดี้ พระเอกของเรานั้นไม่ได้เก่งอย่างที่คาดครับ คือตอนแรกนึกว่าจะได้เห็นพี่แกโชว์เหนือเล่นงานพวกผู้ร้าย แต่เอาเข้าจริงพี่เอ็ดดี้ก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น

ด้านผู้ร้ายนั้น แม้หนังจะบอกว่าพวกเขาคือมือพระกาฬก็เถอะ แต่เอาเข้าจริงพวกมือสังหารก็ไม่ได้ดูเจ๋งขนาดนั้น ตัวชาร์ลีที่ดูเหมือนจะเป็นนักวางแผนก็ดูท่าดีครับ แต่เหมือนลูกน้องเขาไม่ได้เก่งอะไร เลยทำให้งานพลาดหลายหน บางคราวก็พลาดแบบง่ายๆ จนถ้าผมเป็นชาร์ลีก็คงหงุดหงิดเหมือนกัน

ทีนี้พอพระเอกไม่เก่ง ผู้ร้ายเก่งไม่พอ หนังมันก็เลยไม่สนุกเท่าที่ควรครับ เพราะลีลาบู๊ก็ไม่ได้โดดเด่น เทคนิคชั้นเชิงในการบู๊ก็อยู่ในระดับเรื่อยๆ ยิ่งการหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างพระเอก-ผู้ร้ายนี่ยิ่งไม่มีเลยครับ หนังเลยออกแนวเรื่อยๆ เท่านั้นเอง

ก็ถือว่าเสียดายครับ แต่ลึกๆ ก็ไม่กล้าคาดหวังอะไรมากอยู่แล้ว เอาเป็นว่าถ้าอยากดู Banderas บู๊ได้สาแก่ใจ แนะนำให้เอาชุด Desperado กับ Assassins มาดูจะมันส์กว่าครับ
คะแนนความชอบ 5/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน