รีวิว The Lobster (2015) โสดเหงาเป็นล็อบสเตอร์
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
คนทำหนังเรื่องนี้ก็ช่างคิดเหลือหลายครับ พล็อตเรื่องมันน่าสนใจมาก การเดินเรื่องเอาเข้าจริงๆ มันไม่ได้หวือหวา แต่มันมีอะไรชวนให้ติดตามตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ
ครั้นพอถึงฉากสุดท้ายก็ยังอุตส่าห์ทำให้เรารู้สึกประมาณว่า “หนังจบ อารมณ์ไม่จบ” ได้อีกต่างหาก จนผมยอมรับเลยว่านี่เป็นหนังที่สามารถดึงอารมณ์คนดูเข้าไปสู่ในโลกของหนังได้อย่างยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งทีเดียว
พล็อตเป็นแนวดราม่าที่เจือกลิ่นไซไฟลงไปครับ ว่าด้วยโลกที่ใครก็ตามที่ไร้คู่ต้องถูกพาไปอยู่ที่ The Hotel ที่พักสำหรับคนไร้คู่ และหน้าที่ของพวกเขาคือต้องหาคู่มาเติมเต็มชีวิตให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด หากใครหาคู่ไม่ได้ก็จะต้องกลายเป็นสัตว์
หนังใช้เวลาตอนต้นในการเล่าเรื่องของโลกในหนังน่ะครับ ช่วงต้นๆ ก็มีมึนนิดๆ เหมือนกัน แต่พอดูไปสักพักก็เข้าใจรายละเอียด และพอดูไปถึงครึ่งเรื่อง หนังก็เหมือนพาเราไปอยู่ในโลกใบนี้จริงๆ จนทำให้เราสัมผัสได้ถึงความหดหู่ กดดัน และเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง
เป็นหนังที่ทำออกมาได้ดีครับ แต่คงใช้คำว่า “สนุก” มาจำกัดความไม่ได้ เพราะมันไม่ได้สนุกนะ ตลอดเรื่องเราจะเจอแต่อารมณ์เหงาๆ กดดันๆ บางครั้งก็รำคาญว่าโลกในหนังมันจะอะไรนักหนา กฎกติกาจะเยอะเว่อร์ไปไหน แค่คนไม่มีคู่นี่ถึงกับต้องทำกันอย่างนี้ทีเดียวหรือ
แต่ก็แปลกดีครับที่หนังไม่ได้ทำให้เรารู้สึกรำคาญกับกฎเหล่านั้นสักเท่าไร คือรำคาญบ้าง แต่แค่แว้บๆ เพราะหนังสามารถดึงให้เราโฟกัสไปที่เรื่องราวและการเลือกเส้นทางของตัวละคร ซึ่งก็แน่นอนว่าดาราต้องมือดีล่ะครับ ถึงทำให้เราสนใจ จดจ่อ และมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครได้ จนแทบจะลืมความรำคาญที่เกิดกับกฎกติกาบางอย่างไปเลย
Colin Farrell รับบทเดวิด ตัวเอกของเรื่อง ซึ่งเขาลงทุนเพิ่มน้ำหนักตัวเองถึง 40 ปอนด์เพื่อให้สมบทบาท และเขาก็แสดงได้ดีเช่นเคยครับ ดูเป็นชายหนุ่มที่เก็บความรู้สึกหลายๆ อย่างไว้ในใจ หลายครั้งก็เห็นใจพี่แกเหมือนกันที่ต้องมาอยู่ในสภาวะแบบนี้
ดาราคนอื่นๆ ก็ทำหน้าที่ได้ดีครับ ไม่ว่าจะ John C. Reilly, Léa Seydoux, Ben Whishaw, Rachel Weisz แต่ละคนมาพร้อมคาแรคเตอร์ที่ไม่ซับซ้อน แสดงตัวตนให้เห็นแบบค่อนข้างชัด แล้วก็ช่วยเสริมอารมณ์ให้กับหนังได้เป็นอย่างดี
งานภาพทำได้สวยดีครับ แม้จะเจืออารมณ์หดหู่เปลี่ยวเหงาแต่ก็ยังดูสวย ซึ่งผู้กำกับ Yorgos Lanthimos นอกจากจะกำกับและร่วมเขียนบทแล้วก็ยังลงมือตัดต่อหนังเองด้วยครับ อารมณ์ภาพกับอารมณ์หนังเลยสอดรับกัน และแน่นอนว่าฝีมือการถ่ายภาพของ Thimios Bakatakis ก็มีส่วนเสริมความแน่นให้กับหนังด้วย
หนังแสดงให้เห็นถึงโลกอันสุดโต่ง และประชดประเด็นเรื่องการมีคู่-การเป็นโสด ได้แบบสาใจพอตัวครับ จริงๆ โลกในหนังมันก็น่าขันอยู่ในที พวกที่สนับสนุนกฎการมีคู่ก็สุดโต่งไปทางหนึ่ง ส่วนพวกที่สนับสนุนการไร้คู่ก็สุดโต่งไปอีกทาง มันดูไม่มีพื้นที่ตรงกลางให้เลือกเลยน่ะครับ มันดูเป็นโลกที่เครียดนะ แต่ก็รู้สึกน่าขันด้วยว่าอะไรจะสุดโต่งได้ขนาดนั้นหนอคนเรา (มันก็สะท้อนแง่ลบของการสุดโต่งได้ไม่เลวเหมือนกัน)
จริงๆ ทุกคนมีแนวชีวิตในแบบของตนเองครับ บางคนเหมาะกับการมีคู่ บางคนได้เจอคู่ที่ดีก็แต่งงานกันไป แต่คนที่แต่งงานแล้วพบว่าตัวเองเลือกผิดก็มี หรือคนไร้คู่บางคนก็ลงตัวกับชีวิตโสดๆ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาเติมเต็ม ซึ่งก็ดีอย่างที่ค่านิยมทุกวันนี้เปลี่ยนไป ไม่เหมือนสมัยก่อนที่คนไร้คู่มักถูกมองว่าแปลกประหลาด
หนังตั้งคำถามให้เราคิดตลอดครับ เอาเรื่องการมีคู่-ไร้คู่มาจิกกัด อย่างข้อปฏิบัติหรือค่านิยมในการมีคู่ เช่น คนที่จะคู่กันได้ต้องมีอะไรที่เหมือนกัน หรือการเพิ่มลูกเข้ามาในครอบครัวโดยเชื่อว่าจะทำให้คู่รักรักกันมากขึ้นหรือทะเลาะกันน้อยลง คือมันเป็นสิ่งที่คนยุคหนึ่งเชื่อจริงๆ ครับว่ามันเป็นแบบนั้น แต่ทุกวันนี้เราก็รู้แล้วว่ามันมีปัจจัยแทรกซ้อนมากมายในเรื่องพวกนี้ มันไม่มีสูตรสำเร็จชีวิตคู่แบบตายตัวหรอก
หรือตอนที่ตัวละครหนึ่งกำลังจะโดนไปแปลงเป็นสัตว์ เพราะเวลาในการหาคู่หมดแล้ว ก็เลยได้เจอกับเพื่อนสนิทอีกสักหน ฉากที่ว่านี่สะท้อนความจริงที่หลายคนก็น่าจะเคยเจอ คือยามที่เพื่อนมีแฟนน่ะครับ จากที่เคยสนิทก็จะห่างกันไป เวลาให้เพื่อนมีน้อยลง เพราะเอาเวลาไปให้แฟนมากขึ้น หนังก็จิกในเชิงว่า ฝ่ายมีแฟนจะพูดอะไรก็ได้นี่ เพราะคุณมีความสุขนี่ แต่กับฝ่ายที่โดนเพื่อนทิ้งนี่สิ ต้องหาทางไปต่อเพียงลำพัง ครั้นจะพูดอะไรก็ไม่ได้ เพราะมันจะกลายเป็นเหมือนเห็นแก่ตัว (เชื่อว่าฉากนี้โดนใจใครหลายคน)
การดูหนังเรื่องนี้ทำให้เข้าใจโลกของความรัก-ความโสด ได้มากขึ้นครับ มันเหมือนเอาประเด็นต่างๆ ในเรื่องพวกนี้มาขยายขนาดหรือมาเล่นให้ดูเกินจริงขึ้นบ้าง แต่มันก็ทำให้เราเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจนขึ้น และเป็นแนวทางช่วยในการมองหา “ทางสายกลาง” ไม่ว่าจะของคนมีคู่หรือคนอยู่โสดก็ตาม
เพราะบางครั้งคนเราต้องเจออะไรที่มันเข้มข้นมากๆ ถึงจะตระหนักและเข้าใจในสิ่งนั้นๆ
เหมือนคนที่เจอเรื่องหนักๆ ในชีวิตคู่ หรือเคยเหงาหนักๆ ตอนเป็นโสดน่ะครับ เมื่อเราเจอหนักพอ นานพอ อ่วมพอ เราก็จะเริ่มปล่อยวางและมองมันอย่างที่เป็นจริงได้ชัดขึ้น
คะแนนความชอบ 7/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Chef (2014) เชฟ เติมรสให้เต็มรถ
2207 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด หนังเรื่องนี้เล็กๆ ง่ายๆ ดูแล้วอิ่มอกอิ่มใจ แต่ไม่อิ่มท้องครับ และในทางกลับกันมันทำให้เราเกิดหิวไปในเวลาเดียวกัน ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Penthouse North (2013) เพนท์เฮาส์ นอร์ธ เสียดฟ้า เบียดนรก
2051 0Penthouse North หนังระทึกขวัญบนตึกระฟ้าของผู้ กำกับ Joseph Ruben ที่มีผลงานในทำเนียบอย่าง The Stepfather, Sleeping with the Enemy, The Good Son และ The Forgotten แต่ละเรื่องก็มาแนวระทึกทั้งนั้นครับ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว The Second Best Exotic Marigold Hotel (2015)
1788 0The Second Best Exotic Marigold Hotel ให้อารมณ์เหมือนตอนดู Iron Man 2 ครับ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด